"การเมือง"กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ..สัปดาห์นี้ 3 พ.ร.ก.กู้เงินของรัฐบาลวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทจะเข้าสู่การอภิปรายของสภา ขณะที่ฝ่ายค้าน"ลับฝีปาก" เตรียม"ซักฟอก"อย่างเต็มที่
หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 1 พ.ศ.2563 ตั้งแต่ 22 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป ทางสภาผู้แทนราษฎรได้มีกำหนดประชุมสภาฯในวันพุธที่ 27 พ.ค.นี้
ประเดิมเริ่มแรกด้วยเรื่องสุดสำคัญคือ พิจารณา 3 พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงินของรัฐบาล วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เนื่องจากเกิดวิกฤติ" โควิด-19"
อ่านข่าว.."อดีต รมว.คลัง" เตือนเงินกู้ 1 ล้านล้านต้องมีแผน-อย่าลักไก่เลี่ยงตรวจสอบ
ทั้งนี้ พ.ร.ก.3 ฉบับ ประกอบด้วย
1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน จำนวน 1 ล้านล้านบาท
แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 วงเงิน 45,000 ล้านบาท ใช้เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข
ส่วนที่ 2 วงเงิน 555,000 ล้านบาท ใช้เพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและชดเชยให้กับประชาชน เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เดือดร้อน
ส่วนที่ 3 วงเงิน 400,000 ล้านบาท ใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ
2.พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ซึ่งให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยปล่อยกู้แก่ธนาคารต่างๆเพื่อนำไปปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจาก"โควิด-19" จำนวน 500,000 ล้านบาท
3.พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ใช้ตั้งกองทุนรักษาสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ จำนวน 400,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามชี้แจงว่ามีเพียง พ.ร.ก.ฉบับเดียวเท่านั้นที่จะใช้"เงินกู้" คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน จำนวน 1 ล้านล้านบาท ส่วน พ.ร.ก.อีก 2 ฉบับ เป็นการใช้สภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น การบอกว่ารัฐบาลกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือ 1ล้านล้านบาท
แต่กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก็มากที่สุดของประเทศไทยเท่าที่เคยมี
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง รัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินจนเต็มวงเงิน คือ 1 ล้านล้านบาท หรือ 1.9 ล้านล้านบาท โดยกู้เงินตามความจำเป็น ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระบาดของ"โควิด-19" ว่าร้ายแรงขนาดไหน
อย่าสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศควบคุมการระบาดของ"โควิด-19"ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็อาจไม่ต้องกู้เงินจำนวนมากถึงขนาดหลักล้านล้านบาท อาจแค่หลักแสนล้านบาท ก็อาจเอาอยู่
แต่เงินมากมายขนาดนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจัดการทุกอย่างตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับนี้ ให้โปร่งใสได้ มีกลไกตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เงินภาษีของประชาชนรั่วไหล เพราะเงินที่ลงไปผ่านมากมายหลายหน่วยงาน จึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต โกงกินเกิดขึ้น
สำหรับระยะเวลาในการพิจารณา 3 พ.ร.ก."วิรัช รัตนเศรษฐ "ประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาล บอกว่า จะใช้เวลาพิจารณา 5 วัน คือ 27- 31พ.ค.
ในขณะที่ "สุทิน คลังแสง" ประธานวิปฝ่ายค้าน บอกว่า ฝ่ายค้านยืนยันตามหลักการเดิมว่า ไม่ควรมีข้อจำกัดในเรื่องเวลาการอภิปราย เพราะ พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ
ที่ผ่านมาฝ่ายค้านมีข้อกังขาหลายเรื่องกับ 3 พ.ร.ก. ไม่ว่าจะเป็นความชอบด้วยกฎหมาย,เนื้อหา,การใช้เงินกู้ของรัฐบาลเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เหมือน"ตีเช็คเปล่า"ไว้ให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เอาเงินกู้ไปหาเสียงล่วงหน้า
เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้าน"ซักฟอก"ตรวจสอบได้เต็มที่น่าจะดีที่สุด ไม่ควรปิดกั้น หากรัฐบาล"โปร่งใส"เสียอย่างเดี๋ยวฝ่ายค้านก็เหนื่อยไปเองไม่มีทางทำอะไรได้ และจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้นาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง