28 ปี พฤษภาทมิฬ'พลังประชารัฐ'ฤาสามัคคีธรรม 2

ปีนี้ ครบรอบ 28 ปี เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ วันที่ 17 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และสูญหาย ร่วมรำลึกเหตุการณ์พฤษภาวิปโยค เป็นวันที่รัฐบาลของ พล.อ. สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี ส่งทหารและตำรวจหลายพันคน เข้าสลายการชุมนุมต่อต้านนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ที่สะพานผ่านฟ้า

อ่านข่าว:เฮียสนสู้ ธรรมนัสจัดให้

ก่อนหน้านั้น วันที่ 22 มี.ค.2535 มีการเลือกตัั้งทั่วไป “พรรคสามัคคีธรรม” ที่ก่อตั้งโดยเครือข่ายคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้ ส.ส.มากที่สุด จึงรวบรวมพรรคการเมืองอื่นๆในสภาผู้แทนฯ เลือก พล.อ.สุจินดา ที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. เป็นนายกรัฐมนตรี

++

สามัคคีธรรม

++

กลางปี 2534 “บิ๊กเต้” พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล แกนนำคณะทหาร รสช. ปีกทัพฟ้า มอบให้ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ และ น.ต.ฐิติ นาครทรรพ ไปประสานกับนักการเมืองอาวุโสสายเหนือ จัดตั้งพรรคสามัคคีธรรม

แกนหลักของฝ่ายนักเลือกตั้ง ประกอบด้วย ณรงค์ วงศ์วรรณ,พินิจ จันทรสุรินทร์ และสมพงษ์ อมรวิวัฒน์

 

พลเอกประวิตร

นายสมศักดิ์ 

พ่อเลี้ยงณรงค์ อาสาเป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม และนำทัพเลือกตั้ง ได้ ส.ส.มา 79 ที่นั่งตามเป้าหมาย จับมือกับพรรคพันธมิตร รสช.อย่างพรรคชาติไทย,พรรคกิจสังคม,พรรคราษฎร และพรรคประชากรไทย ตั้งรัฐบาลผสม ภายใต้การชี้นำของคณะทหาร “สุ ตุ๋ย เต้”

หากไม่สะดุดกรณีสหรัฐระงับวีซ่าเข้าประเทศ พ่อเลี้ยงณรงค์ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

++

พรรคลูกผสม

++

พรรคพลังประชารัฐ ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นพรรคทหาร หรือพรรคสามัคคีธรรมคืนชีพ เนื่องจากมีการรวบรวมอดีต ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองมาร่วมงานกัน

หลังฉากพลังประชารัฐ ก็มีเงาร่างของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ความต่างของพลังประชารัฐกับสามัคคีธรรม อยู่ตรงที่มี “แทรกโนแคร็ตการเมือง” ในนาม “เครือข่ายประชารัฐ” นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,อุตตม สาวนายน ,สุวิทย์ เมษินทรีย์ และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นผู้ก่อร่างสร้างพรรค

เครือข่ายประชารัฐ ได้ทำให้ความเป็นพรรคทหารเจือจางลงไปบ้าง ตัวละครหลังม่านลายพรางทั้งหลาย จึงยอมให้ อุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค

คณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก จึงเป็นการผสมผสานเครือข่ายงานประชารัฐกับนักการเมืองอาชีพ

++

สามัคคีธรรมมาแล้ว

++

ในสมรภูมิเลือกตั้ง นักการเมืองเป็นกองกำลังสำคัญ เพื่อช่วงชิงชัยชนะ หลังเลือกตั้งบรรดานักเลือกตั้ง จึงจัดแถวจัดทัพแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า

หนึ่งปีผ่านไป ตัวละครหลังม่านเปิดตัวออกมาเป็นผู้เล่นเอง จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำในพรรค มีการตรวจเช็คไพร่พลกันใหม่ จนเหลืออยู่ 3 ก๊กใหญ่ๆ

ก๊กสามมิตร มี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ,สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัย เป็นแกนนำ มีกำลัง ส.ส.อยู่ในมุ้งประมาณ 20 คน นับรวมกลุ่มกำแพงเพชรสายวราเทพ รัตนากร

ก๊กวิรัช-ส.ส.เฮ้ง สายตรง “บ้านป่ารอยต่อ” ที่รวบรวม ส.ส.ไว้ในมือมากกว่า 30 คน ผนึกกำลังกับกลุ่มเพชรบูรณ์ และกลุ่มบ้านริมน้ำ

ก๊กผู้กองธรรมนัส ได้เก็บตก ส.ส.ภาคต่างๆ มาไว้ไม่ต่ำกว่า 10 คน มินับกลุ่มอิสระอย่างกลุ่มชลบุรี(พลังชล) ,กลุ่มด้ามขวานไทย(บางส่วน) และกลุ่มปากน้ำ

เวลานี้ 2 ก๊กใหญ่กำลังผลักดันให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีบทบาทในพรรคมากขึ้น และมองข้ามช็อตถึงการปรับ ครม.แบบยกทิ้ง 3 กุมาร

หากพลังประชารัฐไม่มี “กลุ่มสมคิด” ก็ไม่ต่างอะไรกับพรรคสามัคคีธรรม ที่มี “บิ๊กเต้” พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงนัั่นแล

 

อนุชา นาคาศัย

นายวิรัช รัตนเศรษฐ