คอลัมนิสต์

"เสี่ยแฮ้งค์" ผงาด เลขา พปชร.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เสี่ยแฮ้งค์" ผงาด เลขา พปชร. คอลัมน์... Editor Talk


          ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ จบลงด้วยดี เมื่อ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ยินดีที่จะปฏิบัติตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯขอ


          ในวันที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ปิดห้องคุยกันสองต่อสอง อุตตม ยอมรับที่จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เพียงแต่จะขอรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับทราบ

          เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบแล้ว การปล่อยข่าวเพื่อให้เกิดความขัดแย้งในพรรค จนแรงกระเพื่อมส่งไปถึงรัฐบาลจึงไม่เป็นผลดี


          พล.อ.ประวิตร นั้นคำไหนคำนั้น พูดแล้วไม่คืนคำ และพล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็รู้เห็นการเคลื่อนไหวภายในพรรคทั้งหมด


          ท่าทีของ อุตตม และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่ปฏิเสธความต้องการของ พล.อ.ประวิตร มันทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สบายใจ จนต้องเรียกสองคนเข้าพบ 


          ภายในพรรคพลังประชารัฐที่ก่อตัวกันมาแบบหลวมๆ จนกระทั่งบริหารประเทศผ่านไปเกือบปี บรรดานักการเมืองได้เห็นแล้วว่า ใครจะสามารถนำพรรคต่อไปได้


          ในบรรดา 4 กุมาร ที่ประกอบไปด้วย อุตตม สนธิรัตน์ สุวิทย์ เมษิณทรีย์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูล นั้น มีเพียง สนธิรัตน์ เท่านั้นที่ปรับตัวเองเข้ากับ ส.ส.ได้ ที่เหลือทำไม่ได้ มีคนบอกให้ทำแต่ก็ไม่ทำ


          อย่างไรก็ตาม แม้น สนธิรัตน์ ในฐานะแม่บ้าน จะปรับตัวเข้าหาสส. ด้วยการตั้ง”ตู้ปันสุข” มี ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเข้าออกกระทรวง เพื่อหยิบของจากตู้ปันสุข อยู่ก็ตาม

 



          แต่ ส.ส.และกรรมการบริหารเหล่านั้น อยู่ในสังกัดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำภาคเหนือ แน่นอนว่า ร.อ.ธรรมนัส คือคน ”กดปุ่ม” ว่าจะไปทางไหน


          จะอยู่ขั้วเดิม หนุน อุตตม สนธิรัตน์ หรือจะไปขั้วใหม่หนุน พล.อ.ประวิตร ย่อมทำได้และมีประสิทธิภาพเพราะ ร.อ.ธรรมนัส มี ส.ส.เหนือและอีสานรวม 25 คน และมีกรรมการบริหารพรรคอีก 7 คน


          ร.อ.ธรรมนัส จึงเป็นตัวแปรสำคัญของศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าและเลขาธิการพรรคในครั้งนี้ เพราะต้องให้กรรมการบริหาร”ลาออก”เกินครึ่งเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง


          จริงอยู่ฝ่าย พล.อ.ประวิตร อาจจะบอกว่า กรรมการบริหารมีเกินครึ่งแล้วที่จะลาออก ไม่จำเป็นต้องใช้กรรมการสาย ร.อ.ธรรมนัส 


          แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่คิดเช่นนั้น พล.อ.ประวิตร ต้องการให้ภาพออกมาดี ไม่มีความขัดแย้ง หมายความว่า กรรมการบริหารทั้ง 34 คนต้องลาออกทุกคน


          ข่าวล่ามาเร็ว จากแหล่งข่าวขั้ว พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า คนจะเป็นเลขาธิการพรรค เปลี่ยนจาก สันติ พร้มพัฒน์ เป็น เสี่ยแฮ้งค์ อนุชา นาคาสัย ด้วยเหตุผลว่า เสี่ยแฮ้งค์ สดกว่า หนุ่มกว่า และสามารถคุมพรรคได้เข้าถึง ส.ส.ได้มากกว่า


          ประกอบกับการ ชูเสี่ยแฮ้งค์ เป็นเลขาธิการพรรค เท่ากับยืนยันล้านเปอร์เซ็นว่า กลุ่มสามมิตร หันมาหนุน พล.อ.ประวิตร แล้ว


          แน่นอนว่า เมื่อสามมิตรมา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่สนิทกับสามมิตรโดยเฉพาะกับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะต้องตามมาสนับสนุน พล.อ.ประวิตร อย่างเสียไม่ได้


          รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังไงก็ต้องพึงทีมเศรษฐกิจของ สมคิด หากมีการเปลี่ยนหัวหน้าและเปลี่ยนเลขาธิการพรรคในเดือนมิถุนายนแล้ว 


          การปรับครม. ย่อมจะให้ สมคิด มีบทบาทมากยิ่งขึ้น เป็นทั้งรองนายกฯและรมว.คลัง  พร้อมๆกับลดโควต้ารัฐมนตรีของ 4 กุมารลง นี่คือแผนที่วางกันเอาไว้


          การปรับครม.จะปรับไม่มาก เอาคนของ 4 กุมารออก แล้วเอา เสี่ยแฮ้งค์ และเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น เข้าเป็นรัฐมนตรี แล้วย้ายลูกชาย วิรัช รัตนเศรษฐ ออกจากรมช.คมนาคม ให้ไปมหาดไทยหรือเกษตรฯ ทุกอย่างก็แฮปปี้


          ที่แน่ๆ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ ไม่มีใครแข่ง “เสี่ยแฮ้งค์”


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ