ขอให้ปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

           เวลานี้ประเทศไทยอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต่อไปทุกคนจะต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด จะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่ได้

         พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้จะใช้จนถึง 30 เมษายนนี้ ส่วนจะมีต่อไปหรือไม่ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี จะแจ้งให้ทราบทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ‘ทีวีพูล’

            เหตุการณ์ ‘โควิค-19’ นี่จะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตประจำวันบ้าง ขอให้ทุกท่านปรับตัวให้ได้ เรายอมลำบากแค่เดือนเดียวดีกว่าจะป่วยกันมากมาย

            มีผู้ปรารถนาดีส่งสรุป พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เข้าใจง่ายๆ ว่าจะไม่มีเวลาเคอร์ฟิวคือกำหนดเวลาเข้าออกบ้าน บรรดาร้านอาหารร้านค้าต่างๆ ยังเปิดเพื่อไม่ให้เดือดร้อน

            การเดินทางไปต่างจังหวัดจะต้องผ่านด่านตรวจและต้องมีความจำเป็นจริงๆ และอย่ารำคาญในการตอบคำถามหรือต้องกรอกข้อมูลต่างๆ

            รัฐบาลจะเตรียมโรงพยาบาลสนามและรับมือวิกฤติการณ์ต่างๆ ตลอดจนดำเนินการให้หน้ากากอนามัย-เจล เพียงพอและในราคายุติธรรม

            ระหว่างนี้จะเข้มงวดและห้ามเดินทางเข้าประเทศ ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย อย่าเผยแพร่ข่าวปลอมข่าวลวงต้องหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีผู้คนมาก

            ขอเพิ่มเติมย้ำเตือนมาอีกครั้งในการปฏิบัติตัวโดยไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ ช้อนส้อม ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ นาน 20 วินาที หรือแอลกอฮอล์ 70% ลูบมือจนแห้ง หลีกเลี่ยงการพูดคุยใกล้ผู้อื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง และหากมีไข้และอาการทางเดินหายใจให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่โดยทันที

            ด้วยความปรารถนาดีและขอให้มีความสุข สุขภาพดี และที่สำคัญให้มีกำลังใจ พลังใจ พลังกายสู้ชีวิตต่อไป

            อยู่อย่างมีสติ ขอให้ตระหนักถึงอันตราย อย่าตระหนกตกใจเกินเลยเป็นอันขาด!

อ๊อด เทอร์โบ

 

ให้ดูประเทศที่ประสบความสำเร็จ

            จดหมายจากคุณ ‘ดนัย’ เมืองชล ต่อไปนี้น่าสนใจมากและหลายๆ ท่านคงได้ทราบข้อมูลนี้มาบ้างแล้วเกี่ยวกับมาตรการที่ประสบความสำเร็จของเดนมาร์ก

            หากเราจะนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับไทยบ้างก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายแต่ประการใดเพราะหลายสิ่งหลายอย่างเรากำลังเจอปัญหาอยู่

            จะทำได้หรือไม่โปรดพิจารณา

อ๊อด เทอร์โบ

ไทยน่าลองทำดูบ้าง

เดนมาร์กโมเดล

            ช่วงที่ไทยได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกนั้น เราก็ได้เห็นกระบวนการทำงานของรัฐบาลไทยในการตัดสินใจสั่งการและให้ความช่วยเหลือประชาชนในประเทศซึ่งก็มีทั้งถูกใจและขัดใจใครอยู่หลายคน ผมเองก็ยอมรับว่าหลายอย่างยังขัดตาอยู่บ้างและยิ่งไปเจอวิธีที่ประเทศเดนมาร์กใช้แก้ไขปัญหานั้นถึงกับต้องยกนิ้วให้รัฐบาลเขาเลยครับ

            เดนมาร์กเป็นประเทศที่เจอสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดเช่นกัน ในวันที่ 9 มีนาคม หลังจากพบผู้ติดเชื้อรวดเดียว 172 คน ทำให้รัฐบาลเดนมาร์กประกาศล็อกดาวน์ หรือปิดประเทศ ไม่ให้คนเดินทางเข้าออกเป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็ม

            ที่ต้องรีบปิดเร็วเพราะถ้าปล่อยไว้การระบาดจะคุมไม่อยู่ และถ้าในอนาคตยังไงก็ติดปิดอยู่ดี ทำไมต้องรอให้คนติดเชื้อเยอะๆ ก่อนแล้วค่อยปิดประเทศ นอกจากนั้นรัฐบาลยังสั่งให้ธุรกิจต่างๆ ที่ผู้คนมีสิทธิอยู่ใกล้ชิดกัน เช่น ธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านทำผมต้องหยุดกิจการชั่วคราวทันที อาชีพที่ทำงานที่บ้านได้ก็ต้องไปทำที่บ้าน โดยมีการออกกฎหมายห้ามรวมกันเกิน 10 คน จนกว่าจะพ้นช่วง 1 เดือนในการ ล็อกดาวน์

            การสั่งให้ธุรกิจหยุดกิจการมีความกังวลใจ 2 อย่าง อย่างแรกคือเมื่อขายของไม่ได้ แบบนี้เจ้าของธุรกิจก็แบกรับค่าจ้างไม่ไหวและอาจไล่พนักงานออก แล้วพนักงานจะมีชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีเงินและจะนำมาซึ่งความกังวลใจ 2 ข้อ คือ พนักงานที่โดนไล่ออกก็อาจเดินทางกลับภูมิลำเนาเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายในเมืองหลวง ซึ่งการเดินทางไปมาในช่วงที่โรคกำลังระบาดจะส่งผลให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปทั่วประเทศ

            รัฐบาลจึงออกนโยบายว่าในช่วงปิดประเทศรัฐจะจ่ายเงินเดือน 75% ให้พนักงานบริษัทเอกชน ส่วนพนักงานที่ได้เงินรายวันรัฐบาลจะจ่ายให้ 90% ซึ่งด้วยวิธีนี้เมื่อบริษัทไม่ต้องควักเนื้อก็ไม่จำเป็นต้องไล่ใครออก และเมื่อพนักงานยังได้เงินเดือนถึง 75% ก็แปลว่ามีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในช่วงเวลากักตัวได้ เมื่อมีเงินพอก็ไม่จำเป็นต้องออกจากเมืองใหญ่ไปอยู่ต่างจังหวัด

            โดยการช่วยเอกชนลดค่าใช้จ่ายเป็นการวางกลยุทธ์เพื่อลดการแพร่เชื้อและดูแลภาคธุรกิจไปพร้อมกัน

            จุดที่น่าสนใจคือรัฐบาลเดนมาร์ก ประกาศปิดประเทศวันที่ 11 มีนาคม จากนั้นกระบวนการจ่ายเงินให้บริษัทถูกอนุมัติได้ทันทีใน 4 วันเท่านั้น ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบหลายขั้นตอนจากคณะรัฐมนตรีแต่สามารถใช้การได้ทันที

            เมตเต เฟเดริคเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก กล่าวย้ำกับประชาชนว่า 'เราเป็นประเทศที่ประชาธิปไตยเข้มแข็งและมีรัฐบาลที่มีความเป็นปึกแผ่น เราขอยืนยันให้ประชาชนรู้ว่า เราจะไม่มีวันทอดทิ้งเศรษฐกิจของเดนมาร์ก’ ซึ่งการปิดประเทศครั้งนี้ทำให้ประชาชนรับได้ เพราะรัฐบาลมีแผนเศรษฐกิจรองรับแต่แรก

            ปัจจุบันนับจนถึง 25 มีนาคม เดนมาร์กมีผู้ติดเชื้อ 1,591 คน น้อยกว่าประเทศที่มีพรมแดนใกล้กันทั้งสวีเดนและนอร์เวย์ รวมถึงเยอรมนี ที่ตอนนี้มีคนติดเชื้อทะลุ 3 หมื่นไปแล้ว ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่ก้าวกระโดดจนเกินไปก็ต้องยอมรับว่า แผนการปิดประเทศอย่างรวดเร็วของเดนมาร์กเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ

            ลองดูครับ ถ้าไทยทำได้บ้าง ประชาชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของธุรกิจก็คงไม่ต้องสั่นคลอนไปตามๆ กันแบบนี้ และก็คงไม่ส่งผลกระทบมาถึงพนักงานแบบผมจนต้องแคะเหรียญในกระปุกมาใช้ เรื่องนี้อาจจะใหม่กับทุกประเทศแต่ถ้าลองเปิดตาเปิดใจมองดูประเทศที่เขามีการจัดการได้ดี เราอาจนำวิธีนั้นมาปรับใช้กับเราได้ไม่มากก็น้อย ก็ยังดีกว่าทิ้งๆ ขว้างๆ กัน หรือที่เป็นอยู่ตอนนี้คือไม่ว่าจะออกมาตรการช่วยเหลืออะไรมาก็ดูเหมือนจะยุ่งยากและใช้เวลานานในการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ต่างๆ

ดนัย (เมืองชล)