คอลัมนิสต์

วิกฤติโควิด 'ซ้ายเก่า' อย่าไร้ใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิกฤติโควิด 'ซ้ายเก่า' อย่าไร้ใจ คอลัมน์...  ชูธงทวนกระแส  โดย...  พรานข่าว


 


          สงสัยภาพอดีตจาก “ศอฉ.” ยุคปราบแดงฮาร์ดคอร์ ยังตามหลอน “คนเดือนตุลา” ปีกไม่เอาทหาร จึงทำให้พวกเขาออกมาแสดงปฏิกิริยาอย่างกว้างขวางต่อการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตั้ง “ศอฉ.โควิด” เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 บางคนก็มีเหตุผล หลายคนดูไร้เหตุผล แถมนักวิชาการชื่อดัง มองว่านี่คือการทำรัฐประหารเงียบ

 

อ่านข่าว...  นายกฯคุมศอฉ.โควิดเอง 
 

 

 

          "นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี“ อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลสมัคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “แนวรบโควิด-19 ว่าด้วยคณิตศาสตร์โควิด และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” โดยเขียนยาวมาถึง 18 ข้อ 


          เป็นที่รับรู้กันว่า “หมอเลี้ยบ” เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข คงพอทราบปัญหาบางอย่าง จึงเสนอว่า “ถ้ารัฐบาลมีปัญหาประสิทธิภาพและเอกภาพในการทำงาน ก็เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไขการบริหารจัดการภายในกันเอง แต่ไม่ใช่ด้วยการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วออกมาตรการที่อาจกระทบกับวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของคนไทย 65 ล้านคน”

 

 

 

วิกฤติโควิด 'ซ้ายเก่า' อย่าไร้ใจ

หมอเลี้ยบ และหมอหนู

 


          หมอเลี้ยบย้ำว่า “การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า ปัญหาประสิทธิภาพในการควบคุมโรคจะได้รับการแก้ไข”


          อดีตนักการเมือง “คนรุ่น 6 ตุลา” เสนอมาตรการรณรงค์ Social Distancing อย่างจริงจัง, การจัดหาหน้ากากให้ประชาชนทุกคนได้ใช้ระหว่าง 22 วันที่ปิดทำการแหล่งชุมชนต่างๆ, การจัดหาแอลกอฮอล์เจลเพื่อล้างมือให้ประชาชนหาซื้อได้อย่างสะดวก ฯลฯ ถ้ามาตรการเหล่านี้ได้ครบ ก็ไม่ต้องใช้ยาแรงแบบเคอร์ฟิว


          หมอเลี้ยบไม่ถามหมอหนูบ้างหรือ? ข้อเสนอข้างต้นมีปัญหาอะไรบ้าง? เหตุใด เนวิน ชิดชอบ จึงต้องลุกขึ้น “ปิดเมือง” นำร่อง 




          อยากให้หมอเลี้ยบไปอ่านบทบันทึกของ “ซ้ายอาวุโส” จรัล ดิษฐาอภิชัย ที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งรัฐบาลเมืองน้ำหอมได้ใช้มาตรการ “จำกัดเสรีภาพ” ประชาชน เพื่อสกัดการแพร่เชื้อโรคเหมือนจีน

 

 

วิกฤติโควิด 'ซ้ายเก่า' อย่าไร้ใจ

จรัล สู้โควิดอยู่ปารีส


          “ในฝรั่งเศส 24 ชั่วโมง มีผู้ติดไวรัส เป็น 9,134 เพิ่มขึ้น 1,404 คน ตาย 264 คน เพิ่มขึ้น 89 คน เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเพิ่มเติม คนถูกปรับเพราะออกนอกบ้านโดยไม่มีใบอนุญาต และไม่จำเป็นทั่วประเทศ 4,000 คน คนละ 135 ยูโร..”


          นี่เป็นภาพปิดเมืองในสถานการณ์ไวรัสระบาดของประเทศต้นแบบประชาธิปไตย และอีกวันหนึ่ง จรัลได้บันทึกว่า “..วันนี้ ขอเริ่มด้วยอารมณ์สายลมแสงแดด หลังจากกักตัวอยู่ในบ้านมา 4 วันแล้ว ยอมสละเสรีภาพส่วนบุคคล เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมและเชื่อฟังรัฐ ทั้งที่ลึกๆ ไม่ชอบการใช้อำนาจรัฐอย่างสมบูรณ์”


          “คนเดือนตุลา” อีกรายหนึ่งที่คิดและเขียนอะไร เป็นเรื่องการเมืองไปหมด หลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “จาตุรนต์ ฉายแสง” ได้โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “อย่าผลักชาวโซเชียลมีเดียไปเป็นศัตรู”


          เหตุที่ “เสี่ยอ๋อย” ลุกขึ้นมาเสนอความคิดเรื่องนี้ เพราะได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทีวีรวมการเฉพาะกิจ เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ และเน้นเรื่องการกำกับดูแลโซเชียลสร้างความปั่นปั่วนในสังคม


          “ชาวโซเชียลมีเดีย ชาวเน็ตคือกำลังสำคัญของสังคมในการสู้กับวิกฤตโควิด รัฐบาลต้องไม่ผลักให้เขาเป็นศัตรู เลิกคิดแต่จะจับผิด ขู่จะใช้ พ.ร.ก.เล่นงานทุกครั้งที่แถลงข่าวแบบนี้”

 

 

วิกฤติโควิด 'ซ้ายเก่า' อย่าไร้ใจ

จาตุรนต์ ฉายแสง

 


          นักการเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ คงเห็นแล้วว่า “เฟคนิวส์” ได้สร้างความวุ่นวายให้สังคมมากแค่ไหน อย่ากังวลเรื่องสิทธิเสรีภาพ จนมองข้าม “ภาวะอนาธิปไตย” ในสื่อออนไลน์บ้านเรา


          “ส่วนเรื่องเฟคนิวส์ รัฐบาลไม่น่ากังวลเกินเหตุ สังคมโซเชียลมีเดียมีระบบวิธีจัดการกับเฟคนิวส์อย่างได้ผลอยู่เหมือนกัน ใครเสนอข้อมูลผิดๆ ก็จะมีคนเสนอความจริงมาแก้ ที่ผ่านมา ยังไม่เห็นมีเฟคนิวส์ในโซเชียลมีเดียที่ทำให้เสียหายมากๆ สักเรื่อง”


          เฟคนิวส์ไม่กังวลไม่ได้ ขนาดนักการเมืองใหญ่ ระดับประธานยุทธศาสตร์พรรค แชร์เฟคนิวส์ หรือศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงภูมิปัญญา ยังแชร์คลิปข่าวปลอม 


          พูดตรงๆ มิควรดูเบาเฟคนิวส์ Social Distancing ยังทำไม่สำเร็จ เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อย ไร้วินัย ไม่เสพข้อเท็จจริง แต่ชอบเสพเฟคนิวส์ ไม่โทษตัวเอง โทษแต่เจ้าหน้าที่ โทษรัฐบาล 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ