คอลัมนิสต์

ยิ่งกว่า "โกลาหล" เช็กอาการโควิดคนดัง #ติดหรือยังนะเรา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เช็กอาการคนดังหลังรู้ติดโควิด # เราติดหรือยัง

          สถานการณ์โควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป ไทยเราเองหลังกรุงเทพมหานครมีการออกประกาศปิดสถานประกอบการหลายประเภท โดยให้ปิดตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม-12 เมษายน พร้อมๆ กับสถานประกอบการหลายแห่งดำเนินนโยบายทำงานจากบ้าน ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายขนานใหญ่ของแรงงานที่ว่างงานชั่วคราว เพราะพวกเขาต้องการกลับบ้านเกิดภูมิลำเนา

          ดังนั้นตอนนี้หลายฝ่ายทั้งผู้เชี่ยวชาญและชาวบ้านร้านตลาดจึงพากันคาดเดาและวิเคราะห์แนวโน้มกันแล้วว่า 20 วันนี้ ที่สุดแล้วสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 บ้านเราจะไปถึงขนาดไหน

          เกิดเป็นความสับสน กังวลใจ ที่ซ้อนทับเข้ามาอีกนอกเหนือจากความงุนงงกับการบริหารจัดการของภาครัฐที่ถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนคนละทิศคนละทาง

 

 

 

          เหนือกว่าความสับสันวุ่ยวายข้างต้นยังมีอีกความโกลาหลที่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน คือเมื่อเราป่วยและสงสัยว่าจะเป็นโควิดหรือไม่เราจะสังเกตอาการก่อนที่จะรีบแจ้นไปให้คุณหมอตรวจยังไงกันบ้าง 

          เท่าที่เห็นหลายคนที่ป่วยมีอาการไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่และไม่ทุกคนที่จะมีอาการเหมือนกัน วันนี้มารวบรวมไล่ดูอาการของคนดังที่ยังรักษาตัวอยู่และคนที่เคยผ่านวิบากโควิด-19 กันดูว่าแต่ละคนนั้นมีอาการอย่างไรกันบ้าง

          เผื่อว่าใครที่สงสัยว่าคล้ายๆ เคียงๆ อาจจะมีข้อมูลเพิ่มเติมไปยันกับคุณหมอให้พิจารณา นอกเหนือจากเงื่อนไขหนึ่งคือการเพิ่งกลับมาหรือข้องเกี่ยวกับผู้ที่กลับมาจากประเทศสุ่มเสี่ยง

บอกเลย แต่ละคนอาการแรกเริ่มไม่เหมือนกันจริงๆ

 

หมอบอกว่า

ก่อนจะไปว่ากันที่อาการของผู้คนที่ “ป่วยจริง เจ็บจริง” มาดูข้อบ่งชี้จากส่วนกลาง หรือจากทางการแพทย์กันก่อน

          โดยสรุปแล้วระบุว่าผู้ป่วยโควิด-19 จะมีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา ต่อเนื่อง 4 วันขึ้นไป โดยไข้ไม่ลด เจ็บคอ ไอ อาจมีเสมหะปนเลือด ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางรายมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว จากภาวะปอดบวม และ 5-20% ของผู้ป่วยในรายที่รุนแรงจะมีอาการปอดอักเสบ

          ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลราชวิถี ได้ร่วมกันจัดทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนมาโรงพยาบาลต่อการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านเว็บไซต์ http://rajavithi.emergencymed.net/corona/เพื่อให้ผู้ป่วยได้ลองประเมินตัวเอง ลดการมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาด้วย

          อย่างไรก็ดีคนไทยก็ยังสับสนหนักเข้าไปอีก เมื่อยังมีเคสที่แม้จะติดเชื้อแล้วแต่ก็มีอาการไม่มากเพราะเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันดี อย่างเช่นวัยหนุ่มสาว ซึ่งสามารถหายได้เองแต่ต้องระวังแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นแถมยังบอกว่าคนที่ไม่มีอาการป่วย ร่างกายแข็งแรงก็ไม่ควรพาตัวเองไปยังสถานที่เสี่ยง พื้นที่แออัดต่างๆ ดังแคมเปญที่ว่า #อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

ความสับสนมันจึงอยู่ตรงนี้ ที่เมื่ออาการไม่แสดงออกแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็น แล้วเราจะป้องกันการแพร่เชื้อได้อย่างไร 100 เปอร์เซ็นต์

 

เกือบปกติ

          ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องกลับไปดูเคสของ แมทธิว ดีน อีกครั้ง เพราะต้องนับว่าเมื่อเขาออกมาประกาศยอมรับผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 โดยระบุว่าต้องทำการรักษาต่อไป

          โดยที่สุดแล้วก็มีข่าวว่ามีอีกหลายๆ คนติดเชื้อโควิด โดยทั้งหมดไปร่วมงานแข่งขันมวยที่สนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา แน่นอนงานนั้น แมทธิว ดีน เป็นพิธีกร

 

 

 

          อย่างที่รู้กันว่าในที่สุดนักร้องชื่อดัง ลีเดีย ซึ่งเป็นภรรยาของแมธทิว ดีน จะหนีไม่พ้น เธอก็ออกมาประกาศว่าติดเชื้อด้วยเหมือนกันเรียบร้อย และเข้ารับการรักษา ซึ่งจนถึงขณะนี้ (26 มีนาคม) สามีภรรยาก็ยังต้องกักตัวที่โรงพยาบาลต่อไป

          สำหรับอาการของโควิด-19 ลีเดีย เล่าว่า ช่วงแรกไม่เป็นอะไรเลยที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นหวัด ไม่เจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ แต่มีไข้ 37 กว่า ซึ่งเมื่อมีอาการแบบนี้ช่วงแรกลีเดียยังแอบคิดว่าหรือตนเองกำลังจะหาย

         นอกจากนี้จากการเอกซเรย์วันแรกปอดก็ปกติ แต่เมื่อทำซีทีสแกน วันรุ่งขึ้น ผลออกมาคือไวรัสเข้าปอดแล้ว ลีเดียบอกว่าแม้จะเป็นแบบนั้นแต่ไม่แสดงอาการเลยไม่หอบ ไม่เหนื่อย ระดับออกซิเจนปกติ

         ต่อมาหลังจากถูกย้ายไปไอซียูเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดและเริ่มรับประทานยาทันที ก็ยังรู้สึกแข็งแรงดีทุกอย่าง หายใจได้ ไม่มีอาการหวัด

จนกระทั่งอยู่ไอซียูมา 5 วัน ก็ไม่มีไข้แล้ว ปอดโอเค จึงได้ย้ายออกจากไอซียูและได้พบสามีคือ แมธทิว ดีน ได้แล้ว

          ส่วนฝ่ายของสามีก็มีอากาการที่แตกต่างกัน คือวันแรกที่ไปถึงโรงพยาบาลมีไข้และคัดจมูก บวกมึนศีรษะนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีไข้ไปอีก 3 วัน จึงไม่ได้รับประทานทานยา โดยปล่อยให้หายเอง

          แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไข้กลับมาใหม่และมีอาการท้องเสียหมอจึงรีบเอกซเรย์ ก็พบว่าเริ่มมีอาการปอดอักเสบเหมือนภรรยา จึงต้องรีบเข้า ไอซียู และเริ่มให้ยา อาการจึงดีขึ้นตามลำดับ และออกจากไอซียูแล้ว

ผัวเมียอาการต่างกันระยะแสดงอาการต่างกัน คนไทยวงนอกจะเอาตรงไหนมาประเมินตัวเองก็น่าคิด

 

ปวดแสบปวดร้อน

          ย้อนไปดูอีกรายซึ่งเป็นเซียนมวยชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม เขาได้ออกมาเฟซบุ๊กไลฟ์ที่เพจ “มวยหู เปาเปียวบางบัวทอง ชนได้ทุกหูที่หน้าตู้” บอกเล่าถึงอาการผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตัวเองประสบมา 

          เบื้องต้นเจ้าตัวบอกว่าโรคนี้ไม่ได้อันตรายรุนแรงอย่างที่กลัว แต่มันติดง่าย ลุกลามได้รวดเร็วจากคนสู่คน โดยอาการของตนเองมักแสดงอาการในช่วงเย็น

          สำหรับอาการวันแรก เจ้าตัวบอกว่าจะรู้สึกระคายผิวหนัง ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดแสบปวดร้อนแต่ไม่มาก มีไข้ขึ้นสูงประมาณ 30 นาที แล้วก็ลดลง เจ้าตัวบอกว่าเชื้อโควิด-19 ความน่ากลัวของมันคือสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้เร็วมากๆ โดยวันแรกยังไม่มีน้ำมูก

          ต่อมาวันที่ 2 รู้สึกว่ามีน้ำมูกเหนียวๆ อยู่ข้างใน จากนั้นจะมีอาการหายใจติดขัดเล็กน้อย สักพักก็หายกลับมาเป็นปกติ กระทั่ง 2-3 ชั่วโมงต่อมาก็เริ่มหายใจติดขัดอีกรอบ มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอดอาการจะเป็นอยู่ราวๆ 10-15 นาที และจะระคายผิวก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในตัวและตัวเริ่มร้อนขึ้นอย่างผิดปกติในช่วงเย็น ไข้เริ่มมา คันยุบยับๆ ปากแห้ง กลืนน้ำลายไม่ลง ต่อมาจึงตัดสินใจไปหาหมอทันที โดยเข้ารักษาที่ศูนย์กักกันโรคแถว อ.บางพลี

 

อาการวัยรุ่น

          ที่เราได้ยินมากคือคนยิ่งอายุน้อยยิ่งมีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ต่ำมาก แต่ที่สุดคนไทยก็ได้เห็นว่ามีดาราอีกรายที่ติดมา คือดาราวัยรุ่น “แพรวา” ณิชาภัทร วัย 24 ปี ที่โด่งดังมาจากการรับบท “ขนมปัง” ในซีรีส์ “ฮอร์โมนฯ” ก็ออกมาประกาศว่าติดเชื้อโควิด 19  

          โดยเจ้าตัวโพสต์รูปผลตรวจพร้อมข้อความบอกเล่าอาการที่เป็นว่ารู้สึกปวดหัว ตัวอุ่นๆ วัดไข้ออกมาได้ 36.5 องศา เลยกินยาแก้ปวดหัวแล้วนอน พอตื่นมาตอนเช้าของวันที่ 16 มีนาคม ไม่มีอาการปวดหัวแต่ยังรู้สึกตัวอุ่นๆ วัดไข้อีกทีได้ 37 องศา จึงสงสัยว่าอาจเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เลยตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ทันที

          ปรากฏเช้าวันที่ 20 มีนาคม แพรวาโพสต์แจ้งว่าได้รับสายตรงจากคุณหมอว่าผลเป็น detectable คือตรวจพบไวรัสโคโรนา 2019 ที่โพรงจมูกกับคอ โดยที่ยังเป็นอาการขั้นแรก เชื้อยังไม่ลงปอด หายใจได้ตามปกติ จากนั้นก็เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงพยาบาล รอดูอาการให้ครบ 14 วัน

          วันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวออกมาโพสต์ทวิตเตอร์อัพเดทอาการว่าเป็นวันที่ 6 น้ำมูกลดลง เสมหะลดลงแล้ว และที่ผ่านมาไม่มีไข้เลยสักวัน แถมเอกซเรย์ปอดแล้วปอดปกติ เชื้อยังไม่เข้าสู่ปอด

          โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้ วันที่ 1-2 ปกติดี วันที่ 3 เริ่มมีเสมหะ ไอนิดเดียว วันที่ 4 เริ่มมีน้ำมูก คัดจมูก วันที่ 5 จิตตกเล็กน้อยกลัวอาการตัวเองแย่ลงกว่านี้ (คิดว่ามึนฤทธิ์ยาแก้ไอกับลดน้ำมูกเพราะมันทำให้ง่วงแต่ไม่นอน) วันที่ 6 เสมหะลดลง น้ำมูกลดลง ไม่มีไข้เลยสักวัน

          นี่เพียงแค่สามสี่ตัวอย่างก็สังเกตได้เลยว่ามีอาการแรกเริ่มที่ไม่เหมือนกันเลย แน่นอนส่วนหนึ่งมาจากร่างกายของแต่ละคนมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน

          ดังนั้นคนไทยที่ยังสงสัยไม่แน่ใจเหมือนที่มีการติดแฮชแท็กทั่วบ้านทั่วเมืองว่า #ติดยังวะ ก็ลองสังเกตดูว่าที่ตนเองกำลังป่วยนั้นใกล้เคียงแบบไหนบ้าง

          เหนืออื่นใดหากต้องไปโรงพยาบาลอย่างน้อยก็สวมหน้ากากป้องกันให้ดี ทั้งการป้องกันเชื้อแพร่ออกและการรับเชื้อเข้า ในนาทีที่อะไรก็ไม่แน่นอนเลยสักทางตอนนี้ฃ

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ