คอลัมนิสต์

รวมพลังสู้ไวรัสมรณะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รวมพลังสู้ไวรัสมรณะ บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 25 มีนาคม 2563

        สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 วิกฤติมากขึ้นทุกขณะ ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 4 ราย ผู้ติดเชื้อถึงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 106 คน ทั้งยังมีแพทย์ติดเชื้อด้วย 4 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 827 คน ใกล้แตะระดับพันคนเข้าไปแล้ว แม้ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงกว่าเมื่อ 2 วันก่อนที่ทำให้วิตกว่า การระบาดของโรคจะใกล้เคียงประเทศทางยุโรป แต่ก็ไม่มีนัยสำคัญใดๆ ที่พอจะชี้ว่า ประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น เหมือนเช่นที่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ทำสำเร็จมาก่อนหน้า การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งให้อำนาจเด็ดขาด จึงถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

          สำหรับสาระสำคัญของพระราชกำหนด เป็นการกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ หรือที่เรียกว่าเคอร์ฟิว การห้ามชุมนุม ห้ามใช้สถานที่ ขอบเขตของการเดินทาง ฯลฯ เชื่อว่าจะเป็น “ยาแรง” สำหรับหยุดยั้งการแพร่ระบาด หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ควรให้การดำเนินของโรคเป็นไปในอัตราเพิ่มขึ้นเหมือนที่บ่งชี้ไว้เมื่อ 2 วันก่อน อันเนื่องมาจากการเคลื่อนย้ายที่พำนักของประชากร หลังมาตรการปิดสถานบริการรวมไปถึงห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานครและบางจังหวัด ส่งผลให้แรงงานหรือประชากรแฝงเดินทางกลับภูมิลำเนากันอย่างล้นหลาม ซึ่งวงการแพทย์และระบาดวิทยาคาดการณ์ได้ว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อครั้งมโหฬาร ซึ่งจากถิ่นฐานผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นก็พบว่าเริ่มมีในต่างจังหวัดมากขึ้น

          นอกจากการทำงานอย่างเข้มแข็ง และเสียสละอย่างน่ายกย่องของบุคลากรทางการแพทย์ เช่นที่มีแพทย์ถึง 4 รายได้รับเชื้อ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว บุคลากรฝ่ายปกครองก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์การบริหารท้องถิ่น ซึ่งล้วนเป็นหูเป็นตาของฝ่ายรัฐ คอยสอดส่องเฝ้าระวังได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในแนวทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างเที่ยงตรง ไม่เห็นแก่พวกพ้องน้องพี่ญาติมิตรคนใกล้ชิด ที่มักจะอะลุ้มอล่วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากกว่า เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้คำสั่งหรือมาตรการที่จะออกตามพระราชกำหนดบริหารราชการฯ เข้มข้นเพียงใดก็จะไม่เป็นผลในทางปฏิบัติ และแน่นอน การจะเอาชนะไวรัสได้ย่อมเป็นเรื่องยาก

          เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ประชาชนทุกๆ คน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด หรือสุ่มเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม ต้องให้ความร่วมมือและร่วมใจ ให้สามารถฝ่าฟันวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ของชาติไปให้ได้ ความร่วมมือที่ว่านี้ ต้องละลดซึ่งอคติ หรือว่า ความคิดเข้าข้างตัวเองว่า ไม่มีทางจะติดเชื้อได้ ซึ่งขัดแย้งในทางวิทยาศาสตร์ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกๆ คนล้วนเป็นได้ทั้งผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้แพร่เชื้อ ยิ่งไม่เคร่งครัดต่อแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ในที่สุดการสอบสวนโรคก็จะทำได้ยากลำบาก จนไม่สามารถควบคุมได้ ถึงเข้าขั้นโกลาหล บรรยากาศแย่ๆเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่ ถ้าคนไทยทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นสู้ไวรัสโคโรนา โควิด-19 อย่างพร้อมเพรียง

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ