คอลัมนิสต์

ฝ่าฟันไปด้วยกัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ...ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2563

         มาตรการล่าสุดที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ค่อนข้างจะเป็น “ยาแรง” ขนานแรกๆ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย มาตรการเลื่อนเทศกาลสงกรานต์จากวันที่ 13-15 เมษายนออกไป เพื่อลดการเคลื่อนย้ายคนทั้งในและนอกประเทศ ให้ปิดมหาวิทยาลัย โรงเรียน โรงเรียนนานาชาติ และสถาบันกวดวิชา พร้อมกันนี้ยังมีมติให้ปิดสนามมวย สนามชนไก่ ผับ โรงภาพยนตร์ งดกิจกรรมที่มีคนชุมนุมกันเกิน 50 คน ส่วนที่ให้เปิดดำเนินการต่อไปได้คือร้านค้า ร้านอาหาร แต่ต้องมีมาตรการป้องกัน ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่ออันตราย ซึ่งสามารถสั่งปิดได้ หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม

 

 

 

          นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือในเรื่องของการเหลื่อมเวลาทำงาน เหลื่อมเวลาอาหารกลางวันเพื่อลดความแออัดของคน ที่ควรจะนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร พร้อมกันนี้หน่วยงานราชการและเอกชนก็ควรพิจารณาเรื่องการทำงานที่บ้านของเจ้าหน้าที่หรือพนักงาน ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าจะเสนอมาตรการสั่งปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศแบบไม่มีกำหนดจนกว่าความปลอดภัยจะเกิดขึ้น โดยจะควบคุมให้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่ออันตราย ควบคู่กับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะว่าไปแล้ว มาตรการที่ออกมาก่อนหน้าในเรื่องของการเคลื่อนย้ายคนผ่านระบบขนส่งสาธารณะก็ควรถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้นจริงจังด้วย

 

 


         อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บางหน่วยงานมีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ รอเพียงแต่การประกาศมาตรการที่่จะเดินหน้าไปในแนวทางเดียวกัน หลายพื้นที่ประกาศยกเลิกกิจกรรมสงกรานต์ไปก่อนหน้านี้หลายวันแล้วด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับสถานศึกษา ก็สั่งยกเลิกหลายๆ กิจกรรมไปบ้างแล้ว แต่กระนั้น ในทางปฏิบัติ จะต้องมีรายละเอียดอีกมาก อย่างเช่น ห้วงเวลาการสอบเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 4 ทั่วประเทศ ซึ่งจะอยู่ในห้วงเวลา 28-29 มีนาคมนี้ แต่ขณะนี้นักเรียนทั้งสองระดับก็มุ่งหน้าสู่โรงเรียนกวดวิชากันไม่น้อย ล้วนเป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องออกแผนรองรับที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่นเดียวกับมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานประกอบการต่างๆ ท่ี่อาจเข้าขั้นโกลาหลกันเลยทีเดียว

          ถึงอย่างไร ชั่วโมงนี้ สังคมไทยทุกภาคส่วนย่อมเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดีแล้วว่า คงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว ที่จะสามารถหยุดยั้งไวรัสโควิด-19 ลงได้ หลายประเทศใช้ยาแรงมากกว่าด้วยซ้ำ เช่น การประกาศปิดประเทศ ห้ามการเดินทางออกนอกประเทศ ผู้เดินทางเข้าต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง ฯลฯ ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ความสามัคคี และความเสียสละจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็เชื่อว่าคนไทยพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่รอผู้นำการบริหารสถานการณ์ฟันธง เพื่อเดินหน้าไปพร้อมกัน อย่างเช่น ที่จีนประสบปัญหาสาหัสสากรรจ์ ยังสามารถคลี่คลายสถานการณ์จนเริ่มเป็นบวก และมีแนวโน้มว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประเทศไทยก็น่าจะผ่านพ้นห้วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้เช่นกัน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ