คอลัมนิสต์

ประมาท-เสร็จแน่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประมาท-เสร็จแน่ บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 29 กพ.-1มี.ค.2563

 

 


          เคสตัวอย่างปู่ย่าและหลานติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังสองรายแรกเดินทางกลับจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย นับเป็นเรื่องใหญ่ที่ตอกย้ำถึงความไม่ประมาท เหตุที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม แต่ผลที่ตามมานั้นกินวงกว้างเหลือคณานับ น่าหวั่นเกรงว่า หากเกิดเคสแบบนี้ที่ยังไม่เป็นข่าวขึ้น ณ สถานที่ต่างๆ ตามสารพัดช่องทางเข้าประเทศ แล้วสถานการณ์จะเป็นเช่นไร ประเทศไทยที่อวดอ้างว่ามีมาตรการรับมือไวรัสมรณะเป็นเลิศที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยยืนยัน ที่นับวันมีแต่หายขาด และจำนวนก็ไม่ได้มากจนน่าตกใจ อีกทั้งส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อยังเป็นคนต่างชาติ

 

อ่านข่าว...  การบินไทย เปิดมาตรการรับมือ โควิด 19

 

 

          เคสของปู่ย่าและหลานตามการสืบสวนโรคเริ่มจากปู่ย่า หรือลุงป้า ก็ตามที ไปเที่ยวฮอกไกโด เมื่อกลับมาแล้วทั้งสองรายแรกมีอาการไข้ ปอดเสบ และมีอาการไข้ ไอ ตามลำดับ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ต่อมาหลานซึ่งสัมผัสใกล้ชิดก็ติดเชื้ออีกคน ปัญหาที่น่าตกใจก็คือเส้นทางของปู่ย่าคู่นี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากที่ต้องเฝ้าระวัง กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่าอาจจะถึง 100 คนก็เป็นไปได้ แยกเป็นผู้สัมผัส ได้แก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 30-40 คน ผู้ร่วมทริปฮอกไกโด ผู้ร่วมเที่ยวบิน และพนักงานบนเครื่องบินไทยแอร์เอเชีย นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้เป็นหลานที่ร่วมชั้นเรียนอีก 50 คน ขณะที่ลูกชายของปู่ย่า ซึ่งเป็นผู้สัมผัสทำงานในธนาคารก็น่าเป็นห่วง


          ยากที่จะปฏิเสธว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีกต่อไป แม้ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 และยืนยันว่ายังไม่ถึงระยะที่ 3 หรือกรณีเกิดการแพร่ระบาดของคนในประเทศก็ตาม แต่ ณ เวลานี้ เมื่อปู่ย่านำเชื้อมาติดหลานแล้วจะนับเป็นการแพร่ระบาดของคนในประเทศได้หรือไม่ ความพยายามหยุดยั้งเชื้อโรคร้ายนี้จะต้องมีมาตรการเข้มข้นจากภาครัฐนอกจากการเฝ้าระวังโรคจากภายนอกประเทศเช่นกักตัวเพื่อรอดูอาการ ขณะเดียวกันมาตรการป้องกันในประเทศก็ต้องลงมือกันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในหน่วยงานราชการที่ต้องเข้มงวดเรื่องการเดินทางเข้าออกประเทศ การพบปะต่างชาติ ฯลฯ ต้องสั่งให้ทุกคนทุกหน่วยปฏิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด




          ในส่วนของการขนส่งมวลชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน รถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ประจำทาง รถตู้ รถแท็กซี่ รถทัวร์ เรือโดยสาร หรือแม้แต่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็ต้องเข้าสู่มาตรการเช่นกัน มิใช่เพียงการตั้งวางเจลล้างมือไว้ตามจุดต่างๆ ใครจะใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ไม่ว่า ลิฟต์โดยสาร ราวบันไดเลื่อนในสถานที่สาธารณะ ห้องน้ำ ได้ฆ่าเชื้อกันบ้างหรือไม่ หรือว่าทำๆ ไปพอเป็นพิธี ขณะที่หน่วยงานภาคเอกชนก็ต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้ต้องไม่ลืมว่าทุกๆ คนในสังคมอาจกลายเป็นทั้งผู้รับเชื้อและผู้แพร่เชื้อไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ อย่าได้ประมาทโดยโดยขาด ทุกๆ คนจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะหากเกิดการแพร่ระบาดของคนในประเทศแล้วจะยิ่งอันตรายอย่างเหลือคณานับ


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ