คอลัมนิสต์

ชิงเมือง  

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชิงเมือง   คอลัมน์...  วงในวงนอก  โดย... สถิตย์ ธรรม

 

 


          ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทุกมุมโลก ทำให้หลายประเทศยกระดับมาตรการสกัดยับยั้งไม่ให้ขยายวงกว้าง ทั้งการออกแถลงการณ์ไม่เปิดรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยง หนึ่งในนั้นมี ประเทศไทย โดนหางเลขไปกับเขาด้วย

 

 

          หันกลับมาดูในส่วนของไทยสักหน่อย แม้กระทรวงสาธารณสุขมีมติให้ “ไวรัสโควิด-19” เป็นโรคอันตรายร้ายแรงลำดับที่ 14 โดยพยายามบอกว่า “ยังเอาอยู่” ไม่ถึงขั้นประกาศการแพร่ระบาดระดับ 3 แต่เหตุการณ์ผู้ติดเชื้อเพิ่มเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) โดยไม่ยอมบอกประวัติต่อแพทย์ไปประเทศกลุ่มเสี่ยงมาก่อน กระทั่งแพร่เชื้อไปถึงลูกหลาน เด็กก็ไปโรงเรียนอีก หลักแหล่งอยู่ในเขตดอนเมือง ยิ่งทำให้สถานการณ์ในประเทศใกล้เข้าสู่การแพร่ระบาดระดับ 3 มากขึ้นแล้ว


          เอาล่ะ! สถานการณ์ไวรัสล้างโลก มีประเด็นชวนคุยด้วยความเป็นห่วงกันอีกยาวทีเดียวแต่ดูเหมือนมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่ค่อยอินังขังขอบต่อสุขภาพชนสักเท่าไหร่


          นั่นคือกรณี “แฟลชม็อบ” มีการส่งข้อความทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปตามนิสิตนักศึกษา คลับคล้ายคลับคลา ซีรีส์หรือหนังวัยรุ่นที่ดูกันเลย ให้มารวมตัวต่อต้านครูบาอาจารย์ ขนาดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวานนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และเหล่าส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังเกาะเทรนด์ด้วยการเปิดไฟฉายโทรศัพท์ในห้องประชุมสภาระหว่างซักฟอก “ลุงตู่” หวังให้ติดพื้นที่ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ตามที่พวกเขาต้องการเหมือนกัน


          จับความเคลื่อนไหวปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ แฟลชม็อบโผล่ออกมาเหมือนโรคระบาดตามมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมเปิดเวทีปราศรัยทางการเมือง ขุดคุ้ยเรื่องมูลเหตุการร่วมงานของอดีตส.ส.พรรคสีส้มที่ย้ายขั้วไปขึ้นฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเปิดเผย มีความพยายามนำข้อมูลจากเหล่า "สามเกลอสีส้ม” ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา ไปขยายต่อให้เกิดความเกลียดชังรัฐบาล


          ยิ่งมีการปูดข้อมูลลับของฝ่ายความมั่นคงเพื่อใช้ยุทธภูมิโลกไซเบอร์โต้กลับข่าวสารขั้วตรงข้ามนั้น..กระแสนี้ยิ่งปั่นขึ้นไปง่ายขึ้นสำหรับเสนาธิการขั้วตรงข้าม "ลุงตู่”

 



          กาลเวลาในวันวานนั้นหนังสือลับหรือหนังสือใต้ดินที่รัฐบาลสั่งห้ามตีพิมพ์และจำหน่าย คือสิ่งเย้ายั่วคนรุ่นใหม่และฝ่ายต้านอำนาจรัฐบาลยามนั้นมาอ่าน เมื่ออ่านแล้วจะฮึกเหิมเละพร้อมออกไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่พวกเขามองว่าไม่ชอบธรรมให้ออกไป


          วันนี้โลกไซเบอร์ถูกนำมาใช้แทนหนังสือใต้ดินและน่าจะมีผลไวกว่าเดิมหลายร้อยเท่าตัว


          กล่าวตรงไปตรงมากันเลย “คนเดือนตุลา” บางคนที่ยามนี้ผันกายไปเป็นกุนซือให้กลุ่มอนาคตใหม่วางเกมไว้ว่า เมื่อพรรคโดนยุบ บางส่วนของขุนพลเสื้อสีส้มที่ยังมีสิทธิในรัฐสภาก็ถล่ม "ลุงตู่” ในศึกซักฟอก


          ส่วนการเมืองนอกสภาคือหมากอีกตัวหนึ่งที่ใช้เคียงข้างพรรคสีส้มใหม่ ที่จะแจ้งเกิดในไม่กี่นาทีข้างหน้าตามที่ประเมินแล้วว่าจะมีส.ส.เหลือติดตัวหลังทัพแตกราว 40 คนขึ้นไป และยิ่งมีแรงดูดเท่าใด..การปลุกกระแสมวลชนย่อมทวีอัตราไปมากเท่านั้น เพราะการทลายความชอบธรรมของ "ลุงตู่” และคณะ กำลังถูกปั่นกระแสที่มาจากข้อมูลลับซึ่งโดนปกปิดจากฝ่ายรัฐและถูกกระชากหน้ากากออกมา


          จริงอยู่ด้วยสภาพการณ์ "ครม.ลุงตู่” พ้นภาวะปริ่มน้ำ และยังอยู่ได้หลายเพลาจากจำนวนผู้แทนฯ ย้ายขั้ว แต่ภาวะนั้นอาจอยู่ยากเพราะบางฝ่ายขยายผลความชอบธรรม แน่นอนในช่วงปิดสมัยประชุมในไม่กี่วันข้างหน้าการเมืองนอกสภาเคลื่อนเต็มสูบ


          แม้ฝ่ายรัฐจะเตือนผู้เคลื่อนไหวให้เคารพกฎ แต่จับอาการเบื้องต้นแล้วนั้น พบว่า เร็ววันนี้การฝืนกฎจะบังเกิดและกระพือไกลหากเกิดการปะทะและจับกุม เพราะแผลที่ขั้วตรงข้าม "ลุงตู่” เปิดสดยามนี้ เรียกแขกให้ฮือมาชมแบบเหนือการคาดคิด
  

          ขบวนการนิสิตนักศึกษาคือธงนำในการระดมพลของขั้วตรงข้ามที่จะเดินแถวหน้าลงสู่การเมืองนอกสภา โดยต้องรอยลอีกระยะว่าทีเด็ดของค่ายตรงข้ามที่แว่วว่ามีอีกเพียบจะปล่อยของออกมาวันใดและประเด็นไหนบ้าง


          ฝ่ายคลังสมองและเสนาธิการ "ลุงตู่” อย่าเมาหมัดเดินตามเกมและตกหลุมพรางที่ค่ายตรงข้ามวางไว้แล้วกัน


          เพราะแว่วว่า งานนี้คือ "ศึกชิงเมือง”


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ