คอลัมนิสต์

อภิปรายไม่ไว้วางใจ ลมพัดผ่านขุนเขา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อภิปรายไม่ไว้วางใจ ลมพัดผ่านขุนเขา คอลัมน์... อ๊อด เทอร์โบ..ดับเครื่องชน [email protected]

 

 
  
          การเมืองประเทศไทยเวลานี้เหมือนวิ่งวิบาก ต้องเผชิญหลายสิ่งหลายอย่างดังทราบกันอยู่
 
 
          ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมห้ามกรรมการบริหารยุ่งกับการเมืองอีก 10 ปี ซึ่งเป็นจุดหักเหทางการเมืองอย่างแรง

 

อ่านข่าว...   ยุบ'อนาคตใหม่' คดีกู้เงิน 32 พรรคการเมือง หนาว

 

 

          แม้แต่เด็กอมมือก็รู้อยู่ว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแต่ต่อไปนี้บรรดา ส.ส.อนาคตใหม่ก็สภาพเหมือนผึ้งแตกรัง และพรรคอื่นโดยเฉพาะพรรคที่มีเงินหนาก็เหมือนตกปลาในบ่ออะไรๆ ก็รู้กันอยู่

          ดังนั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่โดนหางเลข นำโดยนายกรัฐมนตรี ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ จึงไม่น่าเป็นห่วงเพราะแบเบอร์ว่าสอบผ่านวันยังค่ำไม่มีการบุบสลาย สีไม่ถลอก

          ไม่กระทบกระเทือนเหมือนดังสุภาษิตว่าเหมือน ‘ลมพัดผ่านขุนเขา’ ไม่มีเรื่องต้องหวั่นวิตก

          นายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กตู่’ พร้อมทีมงานก็จะบริหารประเทศต่อไป ส่วนจะมีการปรับรัฐมนตรีหรือไม่ยังบอกไม่ได้

          ของพรรค์นี้ยิ่งปฏิเสธยิ่งเป็นจริงทุกที! โปรดติดตาม
อ๊อด เทอร์โบ


หมั่นฝึกฝนบุตรหลานตื่นตัว
รับมือกับทุกสถานการณ์

          แพรเชื่อว่าคนที่เป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองหลายๆ ท่านคงได้ติดตามข่าวสารในบ้านเราอยู่ตลอด และจะสังเกตได้ว่าช่วงหลังมานี้มีแต่ข่าวไม่ดีนัก เช่นเรื่องการใช้อาวุธไม่ว่าจะเป็นปืน ระเบิด หรือมีดเพื่อก่อเหตุต่างๆ เดือนๆ หนึ่งก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ที่น่ากลัวมากคือก่อเหตุบนห้างสรรพสินค้าที่มีคนเดินอยู่เยอะมาก หรือกลางท้องถนน และเราก็ไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องไม่ดีแบบนี้เกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่

          ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีวิธีรับมือกับเรื่องเหล่านี้และยิ่งมีลูกหลานด้วยแล้ว เราควรสอนให้เขารู้จักวิธีการปกป้องตัวเองหรือช่วยเหลือตัวเองได้บ้างในกรณีที่เกิดการพลัดหลงกับเรา เพื่อลูกหลานของเราจะสามารถเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางในชีวิตของพวกเขา

          วันนี้แพรมีวิธีการสอนลูกๆ ทั้ง 7 ข้อที่จะช่วยฝึกฝนให้พวกเขาตื่นตัวพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์มาฝากกัน ต้องขอบคุณ รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งกลุ่มเพื่อนแม่ๆ ในไลน์ของแพรส่งต่อมา และน่าสนใจมากค่ะ


          1.ฝึกให้จดจำเบอร์โทรศัพท์ผู้ปกครอง หรือคนในครอบครัว 2.เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองใส่กระเป๋าพกติดตัวไว้ 3.ฝึกให้มีการตื่นตัวและระวังภัยต่อการเกิดเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง เช่น ถอดหูฟังเมื่ออยู่ในที่ชุมชน และหมั่นสังเกตความผิดปกติของเหตุการณ์รอบตัว

          4.สอนให้จดจำทางเข้าออกของสถานที่ต่างๆ ให้เป็นนิสัย 5.สอนให้รู้จักทางออกฉุกเฉินเมื่อไปในสถานที่ต่างๆ และวิธีการออกจากพื้นที่ที่อันตรายด้วยความรวดเร็ว 6.สอนให้รู้จักวิธีซ่อนตัว และฝึกให้เงียบ ไม่ส่งเสียงดัง 7.ฝึกวิธีตอบโต้เมื่อเข้าตาจน

          นี่แหละค่ะวิธีทั้ง 7 วิธีที่เราจะช่วยให้ลูกของเรามีทางหนีทีไล่เมื่อต้องเจอสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ซึ่งจริงๆ แพรเชื่อว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แบบเรายังไงเสียก็ต้องปกป้องลูกจนวินาทีสุดท้าย แต่หากเราหมั่นฝึกฝนวิธีเหล่านี้ให้พวกเขาแม้จะไม่ได้ใช้ก็ตามแต่ ก็น่าจะวางใจไปได้อีกขึ้นค่ะ
แพร (ขอนแก่น)


เรียนคุณ ‘แพร’ ขอนแก่น
          ขอบคุณสำหรับจดหมายที่มีประโยชน์และขออนุญาตจากอาจารย์หมอ ‘นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ’ รพ.จุฬาลงกรณ์ นำมาเผยแพร่ให้ทราบเพื่อจะได้เตรียมรับมือทันท่วงที
  
          เวลานี้ประเทศไทยของเราเกิดเหตุการณ์รุนแรงโดยไม่คาดคิดบ่อยครั้ง และไม่มีการแจ้งเตือน จะเรียกว่าจิตใจคน-สังคมวิปริตก็ว่าได้

          ต่อไปนี้จะต้องคำนึงเหตุการณ์ธรรมชาติ หรืออุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นซึ่งการเตรียมรับมือไว้ก่อนจะดีที่สุด
อ๊อด เทอร์โบ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ