บรรยากาศการประชุมสภาฯญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 3 ร้อนแรงขึ้น เมื่อเกิดเหตุวิวาทะระหว่าง 'วีรบุรุษนาแก' กับ'สหายแสง' กลางสภา ซึ่งทั้งสองคนเคยเกี่ยวข้องกับสมรภูมิรบที่นาแก นครพนม
เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
และบรรยากาศการประชุมสภาก็เริ่มร้อนแรงขึ้น เมื่อเกิดเหตุวิวาทะกันระหว่าง'ศุภชัย โพธิ์สุ' รองประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งทำหน้าเป็นประธานในการประชุม กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ยืนกรานจะอภิปราย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนการเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วน แต่นายศุภชัยไม่อนุญาต
นำมาซึ่งคำว่า 'วีรบุรุษนาแก' กับ 'สหายแสง'
ศุภชัย : หากอภิปรายต่อจะให้ออกจากห้องประชุม ซึ่งผมไม่ได้ขู่
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ :หากท่านจะเอาจริง ก็เจอกันนอกสภาฯ"
ศุภชัย :ผมไม่กลัว หากมีคนบอกว่าท่านคือ วีรบุรุษนาแก ผมก็เป็น สหายแสง
แล้วที่มาของ'วีรบุรุษนาแก' กับ' สหายแสง' เป็นอย่างไรเล่า
ช่างบังเอิญว่า ทั้งสองคนเกี่ยวข้องกับสมรภูมิรบในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม ระหว่างปี 2519-2522 และมาอยู่ในสภาผู้แทนฯชุดนี้
'วีรบุรุษนาแก'
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” เดิมชื่อ “เสรี เตมียเวส” จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 8 (ตท.8) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 24 (นรต.24)
“เสรีพิศุทธ์” เดินทางไปรับราชการเป็น ผบ.หมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.นครพนม และทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมในช่วงปี 2515-2516
ปี 2519 สถานการณ์สู้รบในพื้นที่สีแดงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น “เสรีพิศุทธ์” จึงอาสาไปประจำการที่สถานีตำรวจภูธร อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีตำแหน่งเป็น ผบ.หมวด
อ.นาแก เป็นฐานมวลชนใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) อีสานเหนือ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่บนเทือกเขาภูพาน ชาวบ้าน ต.ก้านเหลือง และ ต.หนองสังข์ ส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมคอมมิวนิสต์
สมัยโน้น ตำรวจจะรับผิดชอบลาดตระเวนหาข่าวตามหมู่บ้านเขตสีแดง แต่การปราบปราม “ทหารดาวแดง” ในเขตป่าเขา เป็นหน้าที่ทหาร โดยกรมทหารราบที่ 3 กองทัพภาคที่ 2 ได้มาตั้งหน่วย ฉก.อยู่ที่ภูพานน้อย อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
ปี 2522 “เสรีพิศุทธ์” ได้เป็นสารวัตรใหญ่ สภ.อ.นาแก จ.นครพนม และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร และเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1
สมัยเป็นสารวัตรใหญ่นาแก ไม่ได้มีภารกิจรบกับคอมมิวนิสต์อย่างเดียว หากแต่ยังมีงานพัฒนา ช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่ง “เสรีพิศุทธ์” ได้จัดระเบียบตำรวจใหม่ ทำให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน
ด้วยงานผลงานโดดเด่น ทั้งงานปราบปรามและงานพัฒนา จึงได้รับการขนานนามเป็น “ขุนพลของประชาชน” หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า “วีรบุรุษนาแก”
สหายแสง
ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ อ.นาแก อีกรายหนึ่งคือ “ศุภชัย โพธิ์สุ” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ ส.ส.นครพนม
สมัยที่ “ศุภชัย”เรียน ป.กศ.ต้น วิทยาลัยครูสกลนคร ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นดาวไฮปาร์คของกลุ่มแนวร่วมนักศึกษาสกลนคร
เมื่อเกิดการสังหารหมู่ 6 ตุลา 2519 ศุภชัย หลบหนีการปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสมัยนั้น เข้าร่วมการต่อสู้กับ พคท.ที่ภูพาน โดยมีชื่อจัดตั้งว่า “สหายแสง”
ช่วงปี 2519-2523 เนื่องจาก "สหายแสง "เป็นคนพื้นถิ่นจัดตั้ง จึงส่งสหายแสง มาเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนในเขต อ.นาแก อ.เรณูนคร และ อ.ปลาปาก ซึ่งบางหมู่บ้าน บางตำบลอยู่ในการดูแลของ “เสรีพิศุทธ์”
ปี 2524 "สหายแสง"คืนสู่เหย้า ตามนโยบาย 66/2523 ได้กลับเข้าเรียนหนังสือและรับราชการเป็นครูที่บ้านเกิด อ.ศรีสงคราม ชาวบ้านจึงรู้จักในนาม “ครูแก้ว”
จากนั้น "ครูแก้ว"เล่นการเมืองเป็นสมาชิกสภาจังหวัด และลงสมัคร ส.ส.หลายหน แต่สอบตก
จนกระทั่งปี 2544 " ครูแก้ว"ชนะการเลือกตั้ง เป็น ส.ส. เขต 5 นครพนม พรรคความหวังใหม่ ก่อนพรรคความหวังใหม่จะยุบรวมกับพรรคไทยรักไทย
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ " ครูแก้ว"เป็น รมช.เกษตรฯ โควต้า"กลุ่มเพื่อนเนวิน" หลังจากนั้น "ครูแก้ว" ก็สังกัดค่ายภูมิใจไทยมาตลอด
"ครูแก้ว"เป็นผู้แทนติดดิน สำหรับชาวเรณูนคร และนาแก บางส่วนยังจดจำวีรกรรมในอดีตของ “สหายแสง” ได้เป็นอย่างดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศุภชัย สุดทน เสรีพิศุทธ์ ป่วน ลั่นกลางสภาผมไม่กลัว วีรบุรุษนาแก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง