คอลัมนิสต์

เปิดใจ"สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" "พ่อบ้านประชารัฐ" กับแผล พปชร.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ"สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" "พ่อบ้านประชารัฐ" กับแผล พปชร. คอลัมน์... Exclusive talk 

 

 

          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นหนึ่งคนที่ถูกจับตามอง เมื่อพรรค พปชร. มีเรื่องวุ่นๆ นั่นเพราะอยู่ในตำแหน่งสำคัญ โดยทั้งเก้าอี้เลขาฯ พรรค และรมว.พลังงาน ต่างอยู่ในเรดาร์ที่ถูกหมายตาจากคนหลายกลุ่ม

 

อ่านข่าว... สนธิรัตน์ ปลื้ม ปชป.โดดช่วยศึกซักฟอก
 

 

 

          “เนชั่นสุดสัปดาห์” คุยกับ “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ถึงการทำงานในภาพรวมของรัฐบาล รวมถึงปัญหาวุ่นๆ ในพรรคพลังประชารัฐที่เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา


          รมว.พลังงาน เริ่มด้วยการพูดถึงการทำงานของรัฐบาลว่า รัฐบาลพยายามตั้งใจขับเคลื่อนผลงานตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภามาเอาไว้ โดยภาพรวมนั้นทุกพรรคตั้งใจผลักดันผลงานอย่างเต็มที่ มีบางเรื่องเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ขณะที่บางเรื่องยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินงาน


          เขาเล่าให้ฟังว่าในการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา รัฐบาลต้องเผชิญปัญหาไม่ว่าจะเป็นสงครามเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจขั้นรุนแรง เช่น ค่าเงินบาท ซึ่งกระทบต่อการส่งออก การใช้จ่ายงบประมาณปี 2563 ที่เกิดล่าช้า จึงกระทบต่อจีดีพี ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลต่อเครื่องยนต์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงจะเห็นว่าแม้รัฐบาลจะพยายามเดินหน้านโยบายแต่ก็มีปัจจัยทางด้านลบที่ทำให้การทำงานบางอย่างยังไม่สัมฤทธิ์ผล


          “แน่นอนว่าการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลไม่เหมือนการทำงานกับรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ เพราะมี ครม.เศรษฐกิจมาประสานการทำงาน โดยการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองหลายพรรค มีทั้งด้านบวกและข้อลบ ซึ่งข้อดีคือมีความคิดที่หลากหลาย ขณะเดียวกันการดำเนินการบางอย่างก็ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากนัก”


          “พ่อบ้านประชารัฐ” ตอบคำถามกรณีที่ถูกมองที่ผลงานพรรคร่วมอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” เด่นกว่าพรรคแกนนำรัฐบาลว่า รัฐบาลพยายามผสมผสานนโยบายของทุกพรรคการเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อรัฐบาลมากที่สุด การเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่สามารถหยิบนโยบายของพรรคตัวเองมาชูโรงแต่เพียงพรรคเดียว จึงต้องเกิดการผสมผสาน แต่ทุกนโยบายและทุกผลงานล้วนเป็นของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง"

 



          มาโฟกัสที่ “พรรคพลังประชารัฐ” นายสนธิรัตน์ ให้คะแนนพรรคตัวเองว่า ทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นงานในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่เห็นว่างบประมาณปี 2563 ผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐ มีปัญหากันภายในบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมืองขนาดใหญ่


          “นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะสิ่งสำคัญคือเรามีความเป็นเอกภาพ ความไม่เข้าใจกันบ้าง ก็เป็นแบบนี้ทุกพรรค ถ้าเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีคนมาก ย่อมมีความคิดแตกต่างกัน หรือเป็นธรรมชาติของการเมือง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่มีความไม่เข้าใจกันขั้นรุนแรง”


          ในฐานะเลขาฯ พรรค “นายสนธิรัตน์” กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาภายในก็ได้พยายามประสานกับกลุ่มเพื่อประสานความสัมพันธ์ให้ทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันสามารถเดินไปด้วยกันได้ โดยยึดหลักการขับเคลื่อนตามแนวทางยุทธศาสตร์พรรค พยายามเอาพื้นฐานความเป็นพรรคพลังประชารัฐมาสร้างระบบการทำงาน รองรับแนวความคิดของคนทุกกลุ่ม


          เมื่อถามว่าเหมือนเก้าอี้เลขาฯ พรรค และรมว.พลังงาน จะถูกเลื่อยขาอยู่บ่อยๆ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาของพรรคการเมืองที่มีความหลากหลาย และไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลในเรื่องนี้ เพราะเป็นธรรมดาของการเมืองซึ่งต้องมีการพูดคุย ทำความเข้าใจระหว่างกัน


          รมว.พลังงาน พูดถึงกระแสการปรับ ครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอนนี้มีเพียงกระแสข่าว จึงอาจจะเร็วเกินไปที่จะมองไปถึงตรงนั้น เพราะการปรับ ครม.อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ยังแนบแน่น


          “ที่บอกว่าเราห่างเหินกันเป็นข่าวลือทั้งนั้น เป็นการให้ข่าวโดยไม่มีมูลเหตุอะไรเลย ผมกับท่านอาจารย์สมคิด เป็นทีมเดียวกัน ทำงานด้วยกันอย่างแนบแน่น แต่หลังการตั้งรัฐบาลใหม่ ต่างคนต่างก็มีบทบาทของตัวเอง โดยกระทรวงพลังงาน เป็นงานอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกับท่านมาก ไม่เหมือนตอนที่กระทรวงพาณิชย์ ที่ท่านใช้กลไกกระทรวงนี้มากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความห่างเหินกัน เรายังแนบแน่น เป็นทีมเดียวกันอยู่ เพราะเราเดินทางมาด้วยกัน”


          นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ทิ้งท้ายว่าถึงวันนี้คิดว่ารัฐบาลอยู่ได้ แม้เสียง ส.ส.ในสภาจะไม่แตกต่างจากฝ่ายค้านมากนัก แต่ก็มีความมั่นคงเพียงพอในการสนับสนุนรัฐบาลให้คงอยู่ไปได้


          “เพราะเดิมทีหลายคนมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ แต่นับวันเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงน้อยลง ส่วนจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานของรัฐบาล ปัจจัยทางการเมืองอื่นๆ แต่ทุกรัฐบาลก็อยากจะอยู่ให้ครบ 4 ปี”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ