คอลัมนิสต์

คุยกับ "ทยา ทีปสุวรรณ" เขาว่าจะลงผู้ว่าฯเมืองหลวง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คุยกับ "ทยา ทีปสุวรรณ" เขาว่าจะลงผู้ว่าฯเมืองหลวง

 

 

          พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ซุ่มเงียบ ไม่ยอมเปิดปากว่าจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมืองกรุง เป็นสนามที่พรรคพลังประชารัฐ หมายมั่นกำชัยมาครอง หลังจากกวาด ส.ส.ได้มากสุดในเมืองหลวงมาแล้ว

 

          อ่านข่าว...  สะพัด พปชร. ส่ง "ทยา" เมียณัฏฐพล ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.

 

          “ทยา ทีปสุวรรณ” คู่ชีวิตของเสี่ยตั้น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับเลือกให้ลงชิงชัยเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเคยนั่งเป็นรองผู้ว่าฯ มาแล้ว และ กทม.หาใช่พื้นที่ของใครที่ไหน หากไม่ใช่ของเสี่ยตั้น กับเสี่ยบี “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดีอี


          “เนชั่นสุดสัปดาห์” พูดคุยกับ “ทยา ทีปสุวรรณ”


          “ทยา” ออกตัวว่า ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเลย และก็ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด โดยเห็นว่าทางพรรคเอง คงต้องพิจารณาหลายอย่างประกอบกัน


          ถามว่าถ้าถูกเสนอชื่อจะรับหรือไม่ “ทยา” ตอบอย่างถ่อมตัวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรู้ก่อนว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการอะไรบ้าง ซึ่งการจะหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.นั้น จะต้องมีการทำงานหลายขั้นตอน ขณะเดียวกันอาจจะมีคนที่ดีกว่าตนก็เป็นได้


          ในฐานะที่เคยนั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯ มาแล้ว “ทยา” เห็นว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครในยุคนี้ จะต้องทำงานได้รอบด้าน พูดจริงทำจริง แก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เพราะกรุงเทพฯ นั้นมีปัญหาจำนวนมาก โดยปัญหาต่างๆ มีความหลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะต้องบริหารงานเป็นแล้ว ยังต้องมีความคล่องตัว แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น กทม.จึงต้องการคนจริงจัง ไม่ได้เข้ามาเพื่อฐานเสียงทางการเมือง แต่ต้องเข้ากันได้กับประชาชนทุกกลุ่ม จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้


          “คิดว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะปัญหาที่คนกรุงต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น การจราจรติดขัด ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 น้ำท่วม ขยะ โดยผู้ว่าฯ ต้องมีแผนในการแก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว เพราะบางปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วทันใจเสมอไป หลายปัญหาสะสมมานาน และเป็นปัญหาจากโครงสร้างพื้นฐาน จึงต้องมีแผนที่จะทำให้ประชาชนเห็นว่ามีการแก้ไขปัญหาเป็นระยะๆ”


          สำหรับความนิยมของพรรคพลังประชารัฐต่อคนกรุงนั้น “ทยา” มองว่า พรรคพลังประชารัฐมีฐานเสียงหลากหลาย แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด เพราะทุกพรรคมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ โดยบางคนอาจจะมองว่าพรรคสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะที่บางคนอาจมองว่ายังไม่ทันใจ นั่นจึงทำให้พรรคต้องปรับตัวให้ทันกับปัญหาต่างๆ


          "คือทุกพรรคการเมืองมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ มีทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน จึงเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง


          การที่พรรคมี ส.ส.มากที่สุดในกรุงเทพฯ น่าจะเป็นข้อดีและข้อได้เปรียบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ส.ส.จะทำงานช่วยเหลือประชาชนเต็มที่มากน้อยเพียงใด หาก ส.ส.ไม่ได้ลงพื้นที่อย่างจริงจัง ก็อาจจะเป็นจุดด้อยของพรรคได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่ อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำงานให้ประชาชนรู้สึกว่าแก้ไขปัญหาได้”


          ถามว่าตอนนี้เสียงคนกรุงที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หันมาเทใจให้พรรคพลังประชารัฐแล้วหรือยัง “ทยา” กล่าวว่า ถ้าดูจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ก็เห็นว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างนั้น แต่ต้องไม่ลืมว่าคนกรุงเทพฯ รับข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และปัญหาใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ความพึงพอใจที่ประชาชนมีต่อพรรคในวันนั้น จึงไม่สามารถนำมาเทียบในวันนี้ได้ เพราะพฤติกรรมความชอบของคนนั้น เปลี่ยนเร็วมาก


          “ปัญหาเร่งด่วนของ กทม. มีตั้งแต่ฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ไปจนถึง เรื่องการจราจร การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม คุณภาพชีวิตในภาพรวม ซึ่งผู้ว่าฯ จะต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าแก้ไขปัญหาได้อย่างไร และมีมาตรการต่างๆ ออกมาอย่างทันท่วงที เช่นเดียวกับไวรัสโคโรน่าที่แพร่ระบาดในขณะนี้ กรุงเทพมหานครมีส่วนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการรับมือ และเหล่านี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่เลือกว่าจะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายใด เราต้องลดการโจมตีซึ่งกันและกัน มาช่วยกันเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ดีกว่า เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติ ก็ค่อยมาว่ากันใหม่”


          “ทยา ทีปสุวรรณ” ทิ้งท้ายว่า สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมืองหลวงครั้งนี้ อยากให้เป็นการแข่งขันที่สร้างสรรค์ ไม่มีการสาดโคลนใส่กัน ไม่เล่นการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ยิ่งมีผู้สมัครมากยิ่งดี เพื่อเป็นตัวเลือกให้คนกรุงเทพฯ ดังนั้น จึงควรแข่งกันที่นโยบาย มาแข่งกันว่าเราจะทำอะไรให้คนกรุงเทพฯ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องมีแผนชัดเจนว่า กรุงเทพฯ พัฒนาไปอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมีความหวังว่า ผู้ว่าฯ จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประชาชนได้จริงๆ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ