คอลัมนิสต์

ลูกน้องฟ้องนาย"ใจถึง" แต่นายฟ้องลูกน้อง"ใจ…อะไร"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลูกน้องฟ้องนาย"ใจถึง" แต่นายฟ้องลูกน้อง"ใจ…อะไร" คอลัมน์... ดงงูเห่า โดย...ประชาไท ธนณรงค์


 

          รองไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ มีหนังสือถึง ผกก.สน.ปทุมวัน บอกเป็นนัยว่า ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อนออกหมายเรียก หลังจากเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ สน. ปทุมวัน อดีตผู้การจเร ข้าราชการบำนาญ ผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับพ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ กรณีเผยแพร่คลิปเสียง เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

 

อ่านข่าว...  'ไพรัตน์'ทำหนังสือถึง อ.ก.ตร.ฯ มีมติ จเรตำรวจ ทำมิชอบกฎหมาย

 

 

          แต่ปรากฏว่าผู้รับมอบอำนาจได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนขัดแย้งกันคือ มาแจ้งความว่า รองไพรัตน์ หมิ่นประมาทเพราะเผยแพร่คลิปเสียงเมื่อสาธารชนได้ฟังแล้วทำให้ พล.ต.อ.สุชาติ เกิดความเสียหาย แต่พูดไปพูดมาบอกว่า คลิปเสียงดังกล่าว เมื่อสาธารณชนได้ฟัง จะเห็นได้ว่าคลิปดังกล่าว พล.ต.อ.สุชาติ เป็นการโทรมาสอบถามข้อเท็จจริง กำชับให้รองไพรัตน์ ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย


          รองไพรัตน์ ก็เลยทำหนังสือถึง ผกก.สน.ปทุมวัน เรื่องขอความเป็นธรรมและให้คำนึงถึงหนังสือสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมส่งหนังสือดังกล่าวแนบมาประกอบการขอความเป็นธรรมจึงทำให้สาธารณชนได้รู้ถึงหลักการออกหมายเรียกหรือการเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาพบเพื่อแจ้งข้อหา โดยสาระสำคัญของหนังสือสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีใจความสำคัญว่า


          “ปรากฏว่ามี พงส. จำนวนไม่น้อยที่เข้าใจเจตนารมณ์ของ ป. วิ อาญา มาตรา 52 และ 134 ไม่ถูกต้องเข้าใจว่าเป็นอำนาจของ พงส. ที่จะเรียกผู้ต้องหาไปพบได้ตามอำเภอใจซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจถูกฟ้องคดีได้ ดังนั้นจึงขอซักซ้อมทำความเข้าใจ... การมีคำร้องทุกข์เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พงส. ยังไม่มีอำนาจที่จะเรียกผู้ต้องหาไปพบได้”


          การที่รองไพรัตน์ ถูก พล.ต.อ.สุชาติ แจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน คือทำให้สังคม ประชาชนตาดำๆ ได้รู้ว่าเมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว พงส.ยังไม่มีอำนาจออกหมายเรียกตามอำเภอใจ ต้องมีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนคำร้องทุกข์ให้น่าเชื่อพอสมควรว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแล้วจึงออกหมายเรียกหรือเรียกผู้ต้องหามา




          การให้สัมภาษณ์ของอดีตผู้การจเรที่รับมอบอำนาจมานั้น ยังมีการยืนยันว่า ทราบว่ารองไพรัตน์ถูกแจ้งความดำเนินคดีอยู่หลายคดี ซึ่งความจริงรองไพรัตน์ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อนตามที่ผู้รับมอบอำนาจกล่าวแต่อย่างใด ในส่วนนี้รองไพรัตน์ ได้มอบหมายทีมทนายไปพิจารณาฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากับผู้รับมอบอำนาจภายในอายุความต่อไป


          “หัวใจในการที่จะปกป้องสิทธิในการถูกรังแกทุกคนควรมี และต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกที่ควร แต่จิตใจที่คอยคิดจะไปกลั่นแกล้งผู้อื่นนั้น ไม่ควรมีอยู่ในหัวใจ”


          สรุปหนังเรื่องนี้ตอนจบต้องคอยติดตามว่าเละกันไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอนและสังคมจะได้รู้ว่าใครแกล้งใคร ระหว่างลูกน้องกับนาย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ