คอลัมนิสต์

ขออย่ามีแต่เรื่องชวนวิตก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ขออย่ามีแต่เรื่องชวนวิตก บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันวันเสาร์ - วันอาทิตย์ที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563

 

 

          คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% คือจากเดิม 1.25% เป็น 1.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้เพราะ กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมและต่ำกว่าระดับศักยภาพมากขึ้น จากปัญหาไวรัสโคโรน่าระบาด ความล่าช้าของงบประมาณประจำปี 2563 และภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างมาก ขณะเดียวกันในด้านการท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มลดลงจากที่ประมาณการไว้เดิม ส่วนการส่งออกยังมีแนวโน้มลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคด้วย

 

 

          ปัจจัยลบสำหรับเศรษฐกิจไทยไม่ได้มีเพียงเท่านั้น กนง.ยังชี้ด้วยว่าด้านอุปสงค์ในประเทศก็เป็นปัญหา อย่างการใช้จ่ายภาครัฐที่จะขยายตัวต่ำลงเนื่องจากความล่าช้าของงบประมาณ และยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนกลับได้รับแรงกดดันจากรายได้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น ทั้งครัวเรือนในภาคบริการ เกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งหนี้ครัวเรือนก็อยู่ในระดับสูงด้วย อย่างไรก็ตาม กนง.ได้โฟกัสไปที่ 3 เรื่องหลักคือ ผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าที่เคยประเมินไว้ การกีดกันทางการค้า สุดท้ายคือความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง


          ด้านกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลังบอกว่า กระทรวงการคลังเตรียมจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องปรับลดลงจากเดิมจีดีพี 2.8% ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ด้วยวงเงิน 1.7 แสนล้านบาท เพื่อดูแลภาคเกษตร ผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี และผู้มีรายได้ระดับกลาง พร้อมสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมนโยบายไทยเที่ยวไทยและดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกทางออกหนึ่งเพื่อรองรับปัญหาของภาคการท่องเที่ยวหลังจากที่เคยพึ่งพิงทัวร์จีนมาตลอด โดยที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็มีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบและผู้ได้รับผลกระทบหลายด้าน เช่นพักหนี้ ยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ลดภาษี ฯลฯ แต่ก็คงไม่เพียงพอ




          ต้องยอมรับว่านับแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 มีปัจจัยลบเข้ามาจำนวนมากในอันที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ดำดิ่งลงไปอีก จากที่คาดการณ์ก่อนหน้าว่าจะเผชิญกับปัญหาอันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง สงครามการค้า ค่าเงินบาท การส่งออก การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 กระนั้นก็ตามกลับมีอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งเป็น “ตัวยืน” สำคัญไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือที่เรียกว่าภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าสู่ห้วงยามของการอภิปรายไม่ไว้วางใจกับการตัดสินยุบ-ไม่ยุบบางพรรค ซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นอ่อนไหวที่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนได้เหมือนกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หากทุกอย่างเดินไปตามกติกาประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ควรจะได้ยินคำว่า การเมืองบนท้องถนนให้หวาดวิตก


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ