คอลัมนิสต์

เชื้อบ้าทางการเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เชื้อบ้าทางการเมือง คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย...  สถิตย์ ธรรม

 

 

 


          ผ่านมาเกือบสัปดาห์ สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจีนมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อไปทั่วเมืองจีนแตะระดับหมื่นคนขึ้นไป ในส่วนของประเทศต่างๆ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิตเหมือนประเทศจีน

 

อ่านข่าว...  สื่อนอกกระพือข่าว"หมอไทยเก่งมาก"คิดสูตรพิฆาตไวรัสโคโรน่า
 

 

 

          พัฒนาการตามมาเมื่อองค์กรอนามัยโลก หรือ WHO ตัดสินใจประกาศให้เป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” ส่งสัญญาณไปถึงทั่วโลกให้ยกระดับการรับมือต่อโรคอุบัติใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับน้อยถึงปานกลาง องค์กรอนามัยโลกให้ความสำคัญเป็นพิเศษและยังเป็นการแจ้งไปถึงการแพทย์สาธารณสุขในการหาองค์ความรู้ใหม่ต่อการพิชิตโรคร้ายชนิดนี้ 


          ในขณะที่สาธารณสุขจีนกำลังคิดค้นวัคซีนกำราบไวรัสอู่ฮั่น ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด รมต.เกษตรฯ ของจีนออกมารายงานว่า พบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่มณฑลหูหนาน


          ครั้นสื่อต่างประเทศกระพือเหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งทำให้บรรดาผู้นำชาติต่างๆ หันกลับเพ่งเล็งจีนอีกรอบ เนื่องจากไม่อาจไว้วางใจการควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะประเทศในเอเชียต้องเตรียมการรับมือเช่นเดียวกัน ไหนจะสถานการณ์ไวรัสอูฮั่นตามมาด้วยไข้หวัดนกคืนชีพอีก
  

          อย่าลืมนะครับ ไข้หวัดนกเคยเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปี 2547 ยุครัฐบาลทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ติดจากสัตว์สู่คนมีสถิติบันทึกไว้ลองหาข้อมูลย้อนหลังพบการเสียชีวิตของเด็กและผู้ใหญ่ในไทย ถ้าจำไม่ผิดมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญออกมาเปิดโปงด้วยว่า รัฐบาลปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดทำให้ขาดมาตรการรับมือได้อย่างทันท่วงที ทำให้รัฐบาลทักษิณขณะนั้นเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่น ในที่สุด “เฮียแม้ว” ต้องพาคณะรัฐมนตรีออกมาโชว์ลีลารับประทานไก่ เรียกความเชื่อมั่นให้ผู้คนในประเทศและสื่อต่างประเทศว่าไก่ไทยปลอดภัยกันเลยทีเดียว




          โรคอุบัติใหม่แต่ละโรคล้วนมีตำนานเกี่ยวโยงมาถึงฝ่ายบริหารบ้านเมืองในการกำหนดแนวทางแก้ไข เกี่ยวโยงในแง่พิสูจน์การทำงานผู้นำประเทศในสถานการณ์วิกฤติ
  

          กล่าวแบบนี้เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำต่อการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองมีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่โดนก่นด่าทางโลกโซเชียลมีเดียชนิดไม่บันยะบันยัง ไม่ได้ลืมหูลืมตาหาข้อเท็จจริงกันก่อนต่อการแก้ปัญหาไวรัสโคโรนา ที่เพิ่มเติมเข้ามาปล่อยข่าวเท็จทำลาย
  

          เป็นเรื่องน่าเสียใจครับ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังทำหน้าที่สกัดกั้นเชื้อร้าย โดยเฉพาะทีมแพทย์สาธารณสุข ต่างทำหน้าที่ตรวจคัดกรอง ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยเพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดขยายวงกว้าง ก็ยังถูกตำหนิติเตียน จากผู้ไม่รู้ข้อเท็จจริง
  

          เสียงสะท้อนจาก นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตัวแทนคณะแพทย์ในการทำหน้าที่ต่อสู้ไวรัสโคโรนา จึงถูกส่งออกมา “ผมกราบขอร้องพี่น้องประชาชน (เช่น โซเชียลมีเดีย) อย่ามุ่งแต่จะตำหนิพวกเราเลยครับ น้องๆ เราเหนื่อยมาก อดนอนข้าวไม่ได้กิน เราไม่ได้ขออะไรมาก ขอรอยยิ้มและกำลังใจเท่านั้นครับ”
  

          ได้ยินได้ฟังถึงกับจุกแทน… สถิตย์ ธรรม… ขอเป็นสื่อกลางไปถึงกลุ่มคนในสังคมที่ติดเชื้อบ้าทางการเมือง ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม มองอะไรเป็นการเมืองไปหมด หาทางโจมตีดิสเครดิต สร้างความขัดแย้ง ด้วยการตั้งคำถามเชิงขอร้อง “ให้รอยยิ้มและกำลังใจต่อผู้ทำงานที่กำลังรับศึกใหญ่เหล่านี้ได้ไหมครับ"
   

          อยากให้มองสังคมชาติที่พัฒนา ยามที่เผชิญสถานการณ์วิกฤติ ทุกฝ่ายต่างร่วมแรงร่วมใจ ทั้งกองทัพ แพทย์พยาบาลเดินทางออกจากเมืองหลวงเพื่อไปต่อสู้ไวรัสมรณะที่อู่ฮั่น มีการร่วมบริจาคสมทบทุน เรียกได้ว่ามีวิธีไหนที่สนับสนุนให้กำลังใจก็ทำอย่างเต็มที่ ไม่มีหรอกที่จะเอาเวลามาชวนทะเลาะกันในยามประเทศชาติวุ่นวาย


          ตัดภาพกลับมาประเทศไทย นี่ยังไม่ถึงขั้นการแพร่ระบาดขยายวงกว้างระดับหมื่นคนแบบจีน แทบไม่เห็นหัวนักการเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยออกมาเสนอความคิดความเห็นในทางเป็นสารประโยชน์ ทางตรงกันข้ามแกว่งปากขับไล่รัฐบาลทุกสามเวลาหลังอาหาร หน้ามืดตามัวเห็นวิกฤติเป็นโอกาส นำประเด็นไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดยัดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจซะนี่


          ดูแล้วช่างน่าสมเพชเวทนาเสียเหลือเกิน

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ