คอลัมนิสต์

3 สิ่งควรทำในการตั้งรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 สิ่งควรทำในการตั้งรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คอลัมน์...   วงในวงนอก    โดย...  สถิตย์ ธรรม

 

 


 

          ถึงตอนนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังคงเป็นประเด็นสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลก


          อัพเดทสถานการณ์สักหน่อยนะครับ โดยขออ้างอิงจาก พีเพิลส์ เดลี่ สื่อจีนรายงานเมื่อวันที่ 29 มกราคม เวลา 09.30 น. มีผู้ติดเชื้อทั่วจีน 5,999 ราย, อาการหนัก 1,239 ราย, เสียชีวิต 132 ราย และต้องสงสัยว่าติดเชื้ออีก 9,239 ราย เห็นได้ว่าการแพร่ระบาดในพื้นที่อู่ฮั่นยังเพิ่มสูงขึ้น

อ่านข่าว...  รู้ยัง..ไวรัสโคโรน่า ติดต่อทางเยื่อบุตา

 

          คราวนี้ในสังคมโซเชียลมีเดีย ส่วนใหญ่ติดตามความเคลื่อนไหวของสถิติตัวเลข ผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต มากกว่าหาข้อมูลเพิ่มเติมในแง่ของการป้องกันรักษา ยิ่งสังคมโซเชียลชาวไทยส่วนหนึ่งละเลงความเห็นชนิดขาดจิตสำนึกสาธารณะ ปล่อยข่าวปลอม สร้างข่าวเท็จให้โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐต้องออกแถลงชี้แจงเป็นรายวัน หนักกว่านั้นหยิบโยงไปเกี่ยวกับเรื่องการเมืองให้เกิดความแตกแยกเกลียดชัง


          เหตุที่กล่าวแบบนี้ เห็นและสัมผัสมาตั้งแต่เกิดเหตุเภทภัยต่างๆ ขบวนการสร้างข่าวเท็จไม่เคยเลิกรา ถ้าจะว่าไปจิตใจคนพวกนี้อำมหิตน่าดู ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวเองคงไม่รู้สึก ไม่ว่าจะเป็นกรณีภัยแล้ง-ฝุ่นพิษ มาถึง ไวรัสโคโรน่า รัฐบาลต้องตกเป็นจำเลยก่อนใครเพื่อน ว่าไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้พี่น้องประชาชนเลย


          ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้หยุดพัก แทนที่จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ขนาดเมื่อวานนี้ทางการญี่ปุ่นและสหรัฐ ส่งเครื่องบินไปรับพลเมืองของเขาในอู่ฮั่นเป็นสองชาติแรกๆ มิวายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถูกตั้งคำถามเชิงบ่นๆ "มัวทำอะไรอยู่” ครั้นนายกฯ และหน่วยงานรัฐออกมาชี้แจงปากเปียกปากแฉะ มิทราบว่า บรรดากองแช่งทั้งหลายสดับตรับฟังเพื่อนำมาพิจารณาถึงข้อขัดข้องของไทยที่ไม่สามารถนำคนไทยในอู่ฮั่นกลับมาได้หรือไม่


          ท่านนายกฯ กล่าวไว้อย่างนี้ครับ “ตอนนี้กำลังเตรียมแผนอยู่ เนื่องจากถ้าเราใช้เครื่องบินของทหารไปรับ บางอย่างอาจจะมีปัญหา และต้องดูว่าเขาพร้อมจะให้ส่งกลับหรือยัง ซึ่งอยู่ในกระบวนคัดกรองของเรา ถ้าผ่านแล้วพากลับมาได้ อาจจะต้องใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำ เพราะต้องเป็นข้อตกลงกัน หลายอย่างไม่ง่ายนัก ถ้าคนไทยยังไม่ปลอดภัยเขาคงไม่ให้กลับ เราต้องมีการเตรียมการในเรื่องเหล่านี้ ขอให้ฟังชี้แจงจากคณะกรรมการด้วย”


 

 

          สังคมที่ถูกแปรเปลี่ยนไม่ฟังกัน ไม่ยอมรับกัน โดยหยิบโยงให้เป็นประเด็นทางการเมืองทั้งหมด ไม่สามารถทำให้ทุกคนหันมาร่วมไม้ร่วมมือแก้ไขให้สถานการณ์ต่างๆ ให้คลายความวุ่นวายสับสนได้


          หรือกรณีที่คุณหมอหลายท่านนำเสนอข้อมูลไว้ เช่น นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความสถานการณ์แพร่ระบาดโรคปอดบวมอู่ฮั่น ไว้อย่างน่าสนใจ


          ท่านบอกว่า “ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า 1% หรืออาจจะอยู่ที่ 1 ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า 100 คนไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น…ตัวเลขอัตราการตาย จะค่อยๆ ลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี 2009…”


          “เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทยและทุกประเทศ แต่ควรมีมาตรการให้ระบาดช้าที่สุดเพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้ การระบาดเมื่อประชากรเป็นแล้วมีภูมิถึงระดับหนึ่ง โรคก็จะสงบ…”


          อยากให้ทุกท่านอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้งใน เว็บไซต์เนชั่นสุดสัปดาห์ออนไลน์ ก็ได้นะครับจะได้ทำความเข้าใจต่อสถานการณ์เชื้อร้ายที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ดีกว่าสร้างวาทกรรมโจมตีกันไปมา


          ท่ามกลางสงครามไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่โรคซาร์ส เมอร์ส มาถึงไวรัสโคโรน่า เหมือนเรากำลังเข้าไปเผชิญสงครามที่ต้องต่อสู้ปกป้องเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด ฉะนั้นพึงควรกระทำ 3 อย่างหลักๆ ครับ


          1.ตั้งสติ ตระหนักรู้แต่ไม่ตระหนกเตลิดเปิดเปิง หมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของท่านให้แข็งแรง 2.ติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อที่น่าเชื่อถือมีแหล่งอ้างอิงอย่างเป็นทางการ และ 3.ให้กำลังใจซึ่งกันและกันไม่ปิดกั้นรังเกียจ ยามยากเราจะเห็นมิตรแท้มีใครบ้าง ในเมื่อรับรู้กันอยู่ว่า โลกใบนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ