คอลัมนิสต์

งบ 63 โมฆะ เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

งบ 63 โมฆะ เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน

 

 

          แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เจ้าของฉายา “ศรีธนญชัยลอดช่อง” จะออกมาให้ความมั่นใจว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะไม่เป็นโมฆะจากกรณีที่ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างกฎหมายวาระ 2 เพราะมีช่องทางอื่นที่สามารถให้กฎหมายไปต่อได้

 

อ่านข่าว...  ทางออกก.ม.งบประมาณ63 โดย สมชาย แสวงการ

 

 

          แต่หากฟังความเห็นจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะพบว่างบประมาณปี 2563 มีอาการน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ นายชวน ไม่ได้ฟันธงว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะเป็นโมฆะหรือไม่ แต่ประธานสภาพุ่งไปที่พฤติกรรมของส.ส.ว่าการเสียบบัตรแทนกันไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามถือว่าผิด ซึ่งนั่นตีความได้ว่าหากกระบวนการตรากฎหมายเป็นไปอย่างมิชอบ แล้วกฎหมายจะมีความชอบได้อย่างไร


          เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถึงกับกุมขมับ เพราะงบประมาณปี 2563 นั้น ควรจะถูกใช้จ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 แล้ว แต่ก็ล่าช้าล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน เดิมคาดว่าอาจจะได้ใช้กันในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 แต่ถ้าเป็นโมฆะหรือยืดออกไปเพื่อรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้จ่ายงบประมาณกันเมื่อใด


          ตลอด 5 เดือนในการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำกับคณะรัฐมนตรีเสมอว่า ขณะนี้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา จึงขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบกลางรายการสำรองการเบิกจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2562 ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดและร่อยหรอลงทุกวัน


          หลายครั้งที่ “บิ๊กตู่” พยายามเบรกพรรคร่วมในการขออนุมัติงบประมาณจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แม้เข้าใจดีว่าทุกพรรคจำเป็นต้องดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องย้ำว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินจึงขอให้รอ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ประกาศใช้เสียก่อน


          เมื่อลงพื้นที่ต่างจังหวัด “พล.อ.ประยุทธ์” พูดกับประชาชนเสมอว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2563 ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา ทำให้รัฐบาลยังไม่มีเงินเพียงพอที่จะดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นจึงขอให้กฎหมายประกาศใช้เสียก่อน รัฐบาลจะดูแลทุกคนอย่างดี โดยไม่เลือกว่าจะเป็นคนพื้นที่ใด

 



          อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณนั้นมีให้เห็นอยู่แล้วในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่สามารถเริ่มโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้ ส่งผลให้ไม่มีการจ้างงาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงไปอย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย โครงการช่วยเหลือเกษตรกรถูกเบรก รัฐไม่สามารถลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ เอกชนไม่กล้าลงทุน เป็นต้น


          นั่นทำให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อเตรียมแผนสำรองไว้ในกรณีที่ยังไม่สามารถใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ได้ ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็คงกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศโดยรวม เพราะงบประมาณตอนนี้ก็ถือว่าล่าช้าอยู่แล้ว ถ้าเลื่อนออกไปอีกก็จะยิ่งช้ากว่าเดิม ดังนั้นรัฐบาลต้องทำให้ล่าช้าน้อยที่สุด ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ไม่มีเงินมาหมุนเวียนในระบบ


          สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ที่ไม่สามารถโตได้เต็มศักยภาพ ส่วนสำคัญมาจากยังไม่มีงบประมาณปี 2563 เข้ามากระตุ้น เอกชนไม่กล้าลงทุน จึงส่งผลให้หลายภาคส่วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า และหากงบประมาณปี 63 เป็นโมฆะจริง ย่อมเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน เรียกว่ายิ่งนานยิ่งเดือดร้อนกันทั้งประเทศ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ