คอลัมนิสต์

เตือนภัยรัฐบาล ลุงตู่ 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เตือนภัยรัฐบาล ลุงตู่  คอลัมน์...  วงในวงนอก    โดย...  สถิตย์ ธรรม


 


          รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญภัยธรรมชาติและภัยทางการเมือง ตามมาด้วยโรคอุบัติภัยใหม่ ภัยแรกส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเริ่มเห็นภาพชัดเจนถึงวันนี้ กรณีของภาวะ ภัยแล้ง ต่อมา สถานการณ์ ฝุ่นพิษ เริ่มแผลงฤทธิ์ สอดแทรกด้วย ภัยการเมือง กระหน่ำซ้ำ เมื่อเกิดเหตุส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

 

อ่านข่าว...   สรุปยอดเสียชีวิตไวรัสโคโรน่าพันธุ์ใหม่56 -ติดเชื้อกว่า 2 พัน

 

 

 

 

          ถือเป็นภัยร้ายแรงทางการเมืองอาจส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส.ส.เข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว


          หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล สถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นฉันท์ใด…"คิดแล้วเสียววุ้ย!!!”


          มิพักกล่าวถึงสองส.ส.พรรคภูมิใจไทย กระทำการเสียบบัตรแทนกัน พรรคภูมิใจไทยจะพิจารณาลงโทษอย่างไร กระนั้นมีคนยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ให้พิจารณาสอบสวนแล้ว อย่าลืมว่าพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันเป็นความผิดทางอาญา โดยป.ป.ช.เคยสรุปสำนวนยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ดังนั้นสองส.ส.ภูมิใจไทยต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนอดีตส.ส.ยุคยิ่งลักษณ์ที่เคยถูกดำเนินคดีหรือไม่ นี่จึงเป็นอีกเรื่องกำลังเป็นตราประทับสีเทา "รัฐบาลลุงตู่”


          เล่าซะยาวเดี๋ยวพลาดภัยสำคัญ นั่นคือภัยจากโรคอุบัติใหม่สร้างความหวาดหวั่นทั่วโลก จากกรณีการแพร่ระบาดของโรคปอดสายพันธุ์ใหม่ หรือ “ไวรัสโคโรนา” เท่าที่มอนิเตอร์สถานการณ์แพร่ระบาดในจีนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเขียนต้นฉบับเสียชีวิตเกิน 40 ราย ประเด็นสำคัญมีการแพร่ระบาดไปยังประเทศในทวีปเอเชีย อาเซียน ยุโรป สหรัฐ และออสเตรเลีย


          เฉพาะ ประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อ 5 ราย ในจำนวนนั้นมีคนไทย 1 ราย แต่ทั้งหมดได้รับการรักษาอาการดีขึ้น ไม่มีอาการรุนแรงวิกฤติ อย่างไรก็ตามมีรายงานเข้ามาอีกพบผู้ป่วยที่ จ.เชียงใหม่ กระบี่ หัวหิน ต้องติดตามดูอาการก่อนจึงจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ป่วยจาก "ไวรัสโคโรนา” หรือไม่


          ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่รัฐมนตรีไปจนถึงอธิบดี ยืนยัน "เอาอยู่” ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ในสถานการณ์ของการเสพข่าวบนโลกโซเชียลออกอาการเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว เห็นได้จากการแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ออกไปทางโจมตีรัฐบาลว่าไม่เห็นทำอะไรเลย


          …สถิตย์ ธรรม… ไม่ได้ปกป้องรัฐบาลแต่อยากเล่าในฐานะติดตามการทำงานรัฐบาลชุดนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคำถามในลักษณะเจือปนความโกรธเกลียดทางการเมืองเข้ามาด้วยจนแทบหาสาระข้อเท็จจริงไม่ได้ หรือเรียกว่าด่าอย่างเดียว บ่นลอยลมอย่างไร้เหตุผลอะไรทำนองนั้น




          ครั้นสื่อนำเสนอมาตรการสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาตามแบบฉบับของ “สีจิ้นผิง” ผู้นำจีนที่ออกมาตรการเข้มงวดตั้งแต่ห้ามชาวจีนเที่ยวทั่วโลก ส่งกองกำลังทหารควบคุมพื้นที่อู่ฮั่น ประกาศบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุดใครฝ่าฝืนมาตรการใดมาตรการหนึ่งจะมีโทษตั้งแต่ติดคุกตลอดชีวิตไปจนถึงอนุญาตให้วิสามัญฆาตกรรมได้


          ก็ยิ่งเข้าทางคนที่ติดโรคคลั่งการเมือง มองอะไรเป็นการเมืองไปหมดได้ทีนำมาเทียบเคียง “ลุงตู่” ว่าคิดได้แบบผู้นำจีนบ้างมั้ย ทั้งๆ ที่บริบทแตกต่างอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ก็แตกต่าง ระดับความรุนแรงก็ต่างกัน


          อีกอย่างโดยข้อเท็จจริงรัฐบาลดำเนินมาตรการติดตามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง มีการจัดสถานที่การควบคุมผู้ติดเชื้อ เมื่อวานนี้รัฐมนตรีสามกระทรวง ทั้งสาธารณสุข คมนาคม และการท่องเที่ยวและกีฬา มีการประชุมมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจน


          ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ฝุ่นพิษ มาถึงกรณีการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา รัฐบาลออกมาตรการระยะเร่งด่วนไปถึงระยะยาว อย่างกรณีปัญหาฝุ่นพิษ จัดทำรายงานเป็นวาระแห่งชาติเล่มหนา ซึ่งมีผู้เข้าไปติดตามให้ความสนใจสักกี่มากน้อยตรงนี้ก็ไม่ทราบ


          เอาล่ะ ประเด็นปัญหาน่าจะมาจากขาดการประชาสัมพันธ์ในระดับเข้มข้นไม่ทันใจนักเลงคีย์บอร์ด อีกประการขาดการแสดงบทแอ็กชั่นผ่านหน้าจอกระมัง ว่ากันว่ารมต.บางรายเหมือนเป็นบุคคลสูญหายไปจากครม.ทีเดียว จึงทำให้ผู้คนที่ชิงชังรัฐบาลอยู่ก่อนแล้ว ระบายความรู้สึกมาก่อนข้อเท็จจริงว่า “รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย”


          อีกอย่าง “ลุงตู่” อาจไม่ถนัดสวมบทพรีเซ็นเตอร์ เหมือนผู้นำบางคนที่ออกมารับประทานไก่โชว์ ว่าปลอดภัยในช่วงโรคไข้หวัดนกระบาดในไทยก็เป็นได้
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ