คอลัมนิสต์

เปิดใจ ชัช เตาปูน รังเกียจทุจริต-รับงูเห่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ ชัช เตาปูน รังเกียจทุจริต-รับงูเห่า

 

 

 

          พรรคพลังท้องถิ่นไท นับเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่มีความน่าสนใจในชั่วโมงนี้ เพราะด้านหนึ่งได้กลายเป็นแหล่งพักพิงให้แก่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ถึงสองคนที่เพิ่งถูกขับออกจากพรรค อีกทั้งยังเป็นพรรคการเมืองแกนนำในกลุ่มพรรคการเมืองขนาดเล็กด้วย ถึงขนนาดที่มีการจับกลุ่มกันในนาม “กิจสังคมใหม่” ที่มีส.ส.รวมกันถึง 10 คน

 

 

          สถานะของพรรคพลังท้องถิ่นไท ทำให้กลายเป็นพรรคการเมืองที่มีน่าจับตามองขึ้นมาเลยทีเดียว ในโอกาสนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีที่ทีมงานเนชั่นสุดสัปดาห์ได้เข้าไปนั่งสนนทนาถึงทิศทางการทำงานของพรรคการเมืองนี้และอนาคตการเมืองไทยในระยะกับ ‘ชัชวาลล์ คงอุดม’ หัวหน้าพรรค ที่ใครมักจะเรียกเขาว่า “เจ้าพ่อ” แต่มาวันนี้กำลังได้สมยาใหม่ว่า “พ่อเลี้ยงงูเห่า”


          อยู่ฝั่งรัฐบาล-เกลียดทุจริต
          ก่อนอื่น ‘ชัชวาลล์’ ยืนยันถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคว่า “จุดยืนของพรรคเรา คือถ้าคนที่ถูกตรวจสอบสามารถตอบได้ชัดเจน เราก็พร้อมที่จะสนับสนุน ในชีวิตผมไม่เคยทำอะไรเลวทราม ผมเกลียดการทุจริต ถ้าคนทุจริตชัดเจนผมก็คงยกมือให้ไม่ได้ เราขอบอกตรงๆ พรรคไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน เราอยู่ฝั่งรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น เพราะที่ผมกระโดดลงทำการเมือง โดยไม่เล่นการเมืองเพราะเป็นห่วงประเทศชาติ กลัวว่าคนไทยจะออกมารบฆ่ากันเอง เราลงไปแล้วเราก็ประกาศชัดเจนว่าเราอยากให้คนไทยรักกัน”


          “ปัญหาที่น่าห่วงตอนนี้ คือ ทุกอย่างกลายเป็นการเมืองหมดเลย ไม่ได้เอาความถูกต้องกันมา ตะแบงกันไปต่างคนต่างตะแบง มันก็ลำบาก คนเราถ้าผิดเฉยเสียบ้างอย่าไปพูด ผมว่ามันก็จะทำให้เหตุการณ์มันดีขึ้น ไม่ใช่พอเราผิดแล้วก็ยังมาพูดอีก มันก็ลำบาก”


          สำหรับการทำงานภายในพรรคนั้น ‘ชัชวาลล์’ บอกว่า ไม่เคยก้าวก่ายหรือชี้นำใครในพรรค เพราะการทำงานและการตัดสินใจของพรรคในแต่ละเรื่องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะร่วมกันตัดสินใจ เพราะตัวเองไม่ใช่นายทุน

 



          “การทำงานในตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนใหญ่จะคอยให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการบริหารพรรค ทุกเรื่องผมไม่เคยตัดสินใจเอง แต่ให้ที่ประชุมพรรคร่วมกันตัดสินใจ ผมไม่ใช่นายทุนครับ เพราะนายทุนต้องมีเยอะ"


          กวินนาถ-จารึก ไม่ใช่งูเห่า
          ส่วนการรับส.ส.พรรคอนาคตใหม่สองคน “อย่างคุณกวินนาถพอเขาเข้ามาเขาก็สบายใจ ไม่โดนอะไร พอคุณจารึกก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็เลยสบายใจ ทั้งสองคนเข้ามาไม่ได้ผ่านผมนะครับ แต่มีคนที่รู้จักกันมาบอกว่าจะมาอยู่ด้วยได้หรือไม่ ผมก็บอกว่าดีๆ ถือว่ามาช่วยกันทำงาน”


          “เพราะเราเป็นพรรคเล็ก ส.ส.เขตเราก็ไม่มี พอเป็นส.ส.เขตเข้ามาก็โอเคเลย เขารับเรื่องร้องทุกข์ในเขตมาจะได้มาหารือกันและพูดกันในสภาเพื่อจะได้แก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่นของเขาได้ ส่วนเรื่องการทำงานในเชิงนโยบายคงจะต้องมาหารือกันอีกครั้ง แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผมเป็นคนที่ชอบให้คนรักกัน ไม่อยากให้คนมาขัดแย้งกัน มีอะไรก็แบ่งกันทำ”


          กับคำถามที่ถามว่าเป็นการรับฝากเลี้ยงใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ระบุว่า “ไม่ใช่หรอกครับ (หัวเราะ) อย่างคุณจารึกส่วนตัวก็รู้จักกันมานาน 30 ปีแล้ว มาอยู่ด้วยกันก็ดีกว่าไปอยู่ที่อื่น และ ผมไม่คิดว่าเป็นงูเห่านะครับ เพราะอย่างที่เขาทำก็คิดว่าเป็นการแสดงจุดยืนของเขา ถ้าผมเป็นเขา ผมก็คงตัดสินใจแบบนั้นเหมือนกัน ผมว่ามันเป็นเรื่องของความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ของแต่ละคน”


          ขณะที่ประเด็นหนึ่งที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการตั้งกลุ่ม “กิจสังคมใหม่” นั้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ในเรื่องนี้ก็ได้รับคำตอบจากหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทอย่างน่าสนใจเช่นกัน


          “เราได้คุยกับพี่เอี้ยง (ดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย) กันตรงไปตรงมา ก็ชอบนิสัยกัน พี่เอี้ยงเป็นคนโผงผางแต่เป็นคนจริงใจครับ พี่เอี้ยงมาชวนผม ผมก็โอเค คุณพิเชษฐ์กับคุณมงคลกิตติ์ที่เคยประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระก่อนหน้านี้ ผมเองก็อยากให้รัฐบาลไม่ปริ่มน้ำ ก็เลยไปชวนทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกัน”


          “ผมบอกไปว่าคุณประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ ก็ไปยกมือให้รัฐบาลไม่ได้ เรามากันเป็นกลุ่มดีไหม มีอะไรก็มาประชุมกัน ใครโดนอภิปรายแล้วตอบคำถามดี เราก็ยกมือให้เขา จนเขาประกาศสนับสนุนรัฐบาลผมก็สบายใจเพราะต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้


          “กลุ่มกิจสังคมใหม่ตอนนี้มีประมาณ 10 คน แต่ไม่เคยคุยเรื่องโควตารัฐมนตรีครับ นี่คือเรื่องจริงเราไม่เคยคุย เพราะถ้าเราไปคุยเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นว่าเรารวมกันเพื่อจะไปต่อรอง ซึ่งมันไม่ใช่ผมเลยครับ เราคิดว่าเราเป็นพรรคพลังท้องถิ่นไท เราก็อยากทำงานให้ท้องถิ่นเพื่อที่ท้องถิ่นจะได้มีงบประมาณได้เต็มๆ หรือมีกฎระเบียบที่มีปัญหาก็จะได้เข้าไปแก้ไขให้ได้ เพื่อให้งานเดินสะดวก”


          แก้รัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย
          ส่วนอนาคตการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคพลังท้องถิ่นไทให้ความสนใจกัน โดย ชัชวาลล์ มองถึงอนาคตของการเมืองไทยและรัฐบาลว่า ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าน่าจะไปลำบาก แต่ตอนนี้คิดว่ารัฐบาลก็น่าจะแข็งแกร่งมากขึ้นและน่าจะอยู่ได้ อย่างคะแนนเสียงข้างมากของรัฐบาลก็เริ่มไม่ปริ่มน้ำแล้ว”


          แต่สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ‘ชัชวาลล์’ ชี้ลงไปว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกติกาอื่นๆ เพื่อให้การทำงานกิจกรรมของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดเล็กไม่มีอุปสรรค


          “การทำการเมืองเวลานี้กติกาหลายๆ อย่างเป็นอุปสรรคค่อนข้างมาก อย่างเรื่องการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินก็ต้องชี้แจงหมดเลย เพราะบางรายการก็เป็นราคาไม่เท่าไหร แต่ก็ต้องถ่ายรูปส่งไปให้หมด หรืออย่างรัฐธรรมนูญ พรรคพลังท้องถิ่นไท เห็นว่ามีหลายจุดที่ต้องแก้ไข แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขยาก เช่น ระบบการเลือกตั้งส.ส.ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อที่ให้เห็นเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียวกัน หรือการต้องมีสมาชิกพรรคทุกเขตเลือกตั้ง”


          “ซึ่งเป็นเรื่องหนักหนาเหมือนกันสำหรับพรรคการเมืองเล็ก อย่างกำหนดให้ต้องเสียค่าสมาชิก 100 บาท มันเป็นเรื่องยากนะครับ เวลาปกติจะเอาคนมาเป็นสมาชิกพรรคยังต้องไปหาและขอร้องกัน ทีนี้จะมาให้เสียค่าสมาชิกอีกก็ลำบาก กติกาดูซับซ้อนเกินไป มันเหมือนเป็นการไม่สนับสนุนประชาธิปไตย”


          “การเลือกตั้งเท่าที่ฟังมาก็อยากให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ บางคนรักพรรคก็ยังเลือกพรรคได้ หรือบางคนรักผู้สมัครก็เลือกคนนี้เพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกัน คนไทยยังเอาพรรคเอาพวกกันอยู่ เรารู้จักใครเราก็อยากลงคะแนนให้คนนั้น บางทีมันก็ตัดสินใจยาก” ข้อเสนอและบทสรุปจากหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ