คอลัมนิสต์

ตรุษจีนซบ แต๊ะเอียหนึบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตรุษจีนซบ แต๊ะเอียหนึบ บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563

 

 

          เทศกาลตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม 2563 เป็นที่จับตากันว่า การจับจ่ายใช้สอยและเม็ดเงินหมุนเวียนในช่วงนี้จะเป็นเช่นไรเพราะตรุษจีนปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง และจะหนักหนาสาหัสในศักราช 2563 ด้วยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีเติบโตเพียงแค่ 2% กว่าๆ เพราะมีหลากหลายปัจจัยเป็นตัวฉุดรั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินบาท การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า สถานการณ์ภัยแล้ง การส่งออกถดถอย หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อลดลง การเผชิญหน้าระหว่างอิหร่านกับสหรัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมือง อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทุนต่างชาติ ฯลฯ

 

 

          อย่างไรก็ตามศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดหมายจากการสำรวจเอาไว้ว่าเม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 13,150 ล้านบาท หดตัวลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักที่กดดันในเรื่องจับจ่ายใช้สอยก็คือกำลังซื้อที่ชะลอตัว โดยค่าใช้จ่ายที่หดตัวลงมากคือ ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว การทำบุญ และค่าใช้จ่ายในส่วนของการแจกเงินแต๊ะเอีย ส่วนค่าใช้จ่ายด้านเครื่องเซ่นไหว้พบว่าปรับลดลง แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยกว่า นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านภัยแล้งก็เป็นกรณีที่ต้องติดตาม เพราะอาจกระทบกับราคาสินค้าจำพวกเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งปรับสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ปรับขึ้นในปีก่อนๆ อันอาจส่งผลเชิงลบต่อการตั้งวงเงินการใช้จ่ายได้ในช่วงนี้


          แต่ถึงกระนั้นการจับจ่ายในช่วงตรุษจีนที่ลดลงจากปีก่อน ยังเป็นความท้าทายในระยะสั้นตามความผันผวนของเศรษฐกิจซึ่งอาจปรับดีขึ้นหากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตดี แต่ความท้าทายที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนในระยะยาวคือ มุมมองต่อเทศกาลตรุษจีนที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะแม้จะยังมีคนรุ่นใหม่บางส่วนที่สืบทอดอยู่ แต่ก็ลดความเคร่งครัดลงไป ขณะชาวไทยเชื้อสายจีนบางกลุ่มก็ไม่สะดวกด้านที่พักทำให้การสืบทอดประเพณีน้อยลง นั่นจึงเป็นผลให้ธุรกิจที่คาดหวังเม็ดเงินจากค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ต้องปรับภารกิจดึงคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมหรือผูกพันกับเทศกาลเพื่อการสืบทอดในรุ่นต่อไป

 



          พิจารณาจากดัชนีชี้วัดจากเทศกาลตรุษจีนทำให้พอเห็นภาพภาวะเศรษฐกิจได้พอสมควร แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่การทำงานหนักของรัฐบาลและเอกชนในอีกกว่า 3 ไตรมาสข้างหน้า ก็อาจทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีก็ได้ โดยเฉพาะปัจจัยบวกที่จะเข้ามาเสริม เช่น สงครามการค้าเริ่มมีสัญญาณที่ผ่อนคลาย ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเห็นผล การลงทุนของภาครัฐเริ่มปรับตัวดีเมื่อเทียบจากปีก่อน เอกชนเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี และธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการผ่อนคลาย แต่ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงก็คือการเมืองไม่ควรจะเข้ามาเป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นเช่นที่เห็นและกำลังเป็นไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ