คอลัมนิสต์

หลากทัศนะวันพิพากษา อนค.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลากทัศนะวันพิพากษา อนค. คอลัมน์...  Exclusive Talk 

 

 


          อังคารที่ 21 มกราคม จะถึงวันพิพากษาคดีที่ “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ขอให้วินิจฉัยตามมาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่(อนค.) “ผู้ถูกร้องที่ 1” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ผู้ถูกร้องที่ 2” ปิยบุตร แสงกนกกุล “ผู้ถูกร้องที่ 3” และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ “ผู้ถูกร้องที่ 4” ใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ 

 

 

          เมื่อคำร้องของนายณฐพรยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีข้อกล่าวหาใน 4 ประเด็นหลัก ภายหลังวันที่ 22 ธันวาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง “ไม่รับคำร้อง” พรรคอนาคตใหม่ขอให้เปิดไต่สวนพยาน ทำให้ขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายจากศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคม เท่านั้น 


          โดยผลคำวินิจฉัยไม่ว่าจะออกมาเป็นบวกหรือลบ จะชี้วัดอนาคตแห่งอนาคตใหม่ในเส้นทางการเมือง มาวันนี้ 2 นักวิชาการภาครัฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ถึงแรงเสียดทานพรรคอนาคตใหม่นับจากนี้


          เริ่มที่ “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ระบุว่า ในคดีนี้ไม่น่าเป็นที่กังวลของพรรคอนาคตใหม่ เพราะในเชิงพยานหลักฐานหรือข้อกฎหมายอาจจะไม่ค่อยชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับคดีเงินกู้ เพราะคดีเงินกู้เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า ส่วนตัวคิดว่าสำหรับคดีอิลลูมินาติ คงไม่มีอะไรจะถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่ ส่วนคำร้องของผู้ร้องเกี่ยวกับข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่นั้น จริงๆ แล้วในข้อบังคับของแต่ละพรรคจะมีนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบแล้วก่อนจะรับจดจัดตั้งพรรคการเมืองละพรรคว่ามีสิ่งใดกระทำขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แสดงว่านายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นแล้ว รวมถึงในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้อยู่แล้วว่าระบอบการปกครองของประเทศไทยคือระบอบระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้อยู่แล้ว เชื่อว่าคงไม่น่ามีปัญหาในจุดนี้ เพราะได้ผ่านการตรวจสอบจากนายทะเบียนพรรคการเมือง




          รศ.ดร.ยุทธพร ยังประเมิน 2 แนวทางหากคำพิพากษาออกมาเป็นผลบวกและลบให้พรรคอนาคตใหม่ เริ่มที่ผลทางบวกแต่พรรคอนาคตใหม่ต้องเผชิญคดีความต่างๆ ต่อไปอีกมากมาย เพราะยังไม่รู้ว่าในคดีอื่นๆ จะเป็นผลบวกด้วยหรือไม่ แน่นอนว่าการกำหนดยุทธศาสตร์จะต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งจริงๆ วันนี้เหมือนว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ระดับหนึ่งมากพอสมควรแล้ว กับการเมืองนอกสภาหรือเตรียมพรรคการเมืองสำรองไว้ แต่หากคำพิพากษาเป็นผลลบกับพรรคอนาคตใหม่ คงไม่ได้มีจุดที่ทำให้พรรคไม่สามารถเดินต่อได้ เพียงแต่การเดินต่อต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเท่านั้นเอง เพราะคณะกรรมการบริหารพรรคต้องถูกตัดสิทธิ ต้องอยู่นอกสภา  


          “ทำให้ ส.ส.ที่เหลืออยู่ในสภาประมาณ 60 คนจะไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ แต่จะเชื่อมต่อกันได้หรือไม่กับการเมืองนอกสภา หรือแฟลชม็อบของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่จะคาดหวังถึงการขยายตัวไปสู่การชุมนุมใหญ่จะทำได้ขนาดนั้นหรือไม่ เป็นสิ่งที่เป็นประเด็นท้าทายพรรคอนาคตใหม่ที่รออยู่หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 มกราคม ออกมาเป็นผลทางลบ” รศ.ดร.ยุทธพร ระบุ


          ขณะที่ “ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินสถานการณ์ก่อนถึงวันที่ 21 มกราคม ว่า การเดินเกมของพรรคอนาคตใหม่จะประโคมเพื่อเรียกเสียงความเห็นใจจากมวลชนของพรรค รวมถึงพยายามชี้ให้เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกกลั่นแกล้งว่านำไปผูกโยงกับองค์กรลับต่างๆ รวมถึงพยายามปิดกั้นข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าด้วยพฤติกรรมต่างๆ นานาที่พรรคอนาคตใหม่ถูกจับจ้องก่อนมาเล่นการเมืองและหลังมาเล่นการเมือง พฤติกรรมหมิ่นเหม่หรือความไม่ตรงไปตรงมาต่อการที่สังคมตั้งคำถามต่อความพยายามเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองของประเทศ แต่ไม่มีการอธิบายชุดข้อมูลตรงนี้ให้แก่มวลชนของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเข้าไปศึกษาในคำร้องของผู้ร้องในสำนวนคดีนี้ จะมีคำอธิบายในข้อกล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ตรงนี้ด้วย 


          “เนื้อหาต่างๆ ก่อนถึงวันที่ 21 มกราคม มีความพยายามจะชูว่าไปเชื่อมโยงขององค์กรลับ แต่ไม่อธิบายรายละเอียดความเป็นจริงของพฤติกรรมของแกนนำตัวบุคคลที่แสดงออกในการวิพากษ์วิจารณ์ หลายครั้งที่หมิ่นเหม่ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และกระทบต่อความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทย” ผศ.วันวิชิต ระบุ


          ผศ.วันวิชิต ชี้ให้เห็นถึงหากผลคำพิพากษาจะเป็นทางบวกให้พรรคอนาคตใหม่ จะทำให้พลังอำนาจต่อรองทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่สูงขึ้นมาก ข้อความถ้อยคำที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปฏิปักษ์ หรือถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีจะถูกลดทอนตัดทิ้งไป เท่ากับว่าพรรคอนาคตใหม่จะมีชุดคำอธิบายชุดใหม่ว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาครั้งนี้มาจากกลุ่มที่ต้องการใส่ร้ายมาตลอดเวลา และอำนาจต่อมาจะเป็นพลังที่ใช้ในการสู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้ตัวละครหลักๆ หรือบรรดาแกนนำที่รอดจากการตัดสินในวันที่ 21 มกราคม คงจะใช้เนื้อหาในการอภิปรายตอกย้ำเกี่ยวกับงบประมาณที่ไม่ชอบมาพากลของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 3 ป.พี่น้องจะถูกตรวจสอบอย่างละวางไม่ได้ 


          “พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสียโอกาสนี้แน่นอนว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะจุดประเด็นหรือเชิญแขกนอกสภา อย่าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการคาดหวังให้เกิดแรงปะทุตรงนั้น” ผศ.วันวิชิต ระบุ


          ผศ.วันวิชิต ระบุด้วยว่า แต่หากคำพิพากษาทำให้พรรคนาคตใหม่มีอันเป็นไป คงจะมีการกระตุ้นขวัญกำลังใจกันในรูปแบบการทำกิจกรรมทางการเมืองโดยออกไปนอกสภามากขึ้น เพื่อหาพื้นที่แสดงออกในต่างจังหวัดไม่ใช่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียว อาจมีการเดินสายทำกิจกรรมกันมากขึ้น ส่วน ส.ส.พรรคที่เหลืออยู่คงหวั่นไหวพอสมควรว่าหากจะเดินไปต่อตามอุดมการณ์เดียวกันจะเหลือกันกี่คน พรรคร่วมรัฐบาลจะได้รับเสียงมากขึ้นหรือไม่
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ