คอลัมนิสต์

เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย...  สถิตย์ ธรรม




          “ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่” เหตุจากวันก่อน อาจารย์วันชัย สอนศิริ  ปัจจุบันท่านเป็นสมาชิกวุฒิสภา สวมบท "โหรวันชัย” ออกมาทำนายทายทัก อิทธิพลของดาวมฤตยูทับดวงเมืองและดาวอังคารอยู่ในเรือนมรณะ

 

 

          “สถานการณ์ของดวงดาวทับกันขนาดนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง” พร้อมกับเร้าอารมณ์เข้าไปอีกว่า “ใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว เพราะดวงเมืองถึงคราวที่จะเปลี่ยนแปลงใหญ่”


          คำทำนายดังกล่าว ทำให้ผู้คนตั้งปุจฉาตามมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ จะดีหรือจะร้าย ได้รับการขยายความต่อไปว่า “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความสงบร่มเย็นเป็นสุขของปวงประชา ทั้งเกิดการปรองดองสมานฉันท์ เนื่องจากอิทธิพลของดาวบนฟ้าที่แผ่ไพศาลนำสู่ยุคสมัยเป็นศิวิไลซ์แห่งประเทศ”


          เอาว่า เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีว่างั้นเถอะ


          คราวนี้การนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่มาจากเหตุปัจจัยอะไรบ้าง จากบุคคลทำให้เปลี่ยนหรือระบบทำให้เปลี่ยน เป็นคนไหน ระบบอะไร อาจารย์วันชัยเฉลย “ต้องติดตามไปคู่กับปฏิทินการเมืองที่ปรากฏเป็นคู่ขนานกับการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น"


          ก่อนตบท้ายไว้ว่า “ทั้งการเมืองและดวงดาวช่างสอดรับกันเหลือเกิน สิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้คาดไม่ถึงจริงๆ ขอให้จับตาดูกันไปชนิดอย่าได้กะพริบตา”

 



          …สถิตย์ ธรรม… ติดตามเหตุบ้านการเมืองพร้อมกับ "จับตา” มองดูความเป็นไปมาโดยตลอด แต่ต้องกะพริบตาทุกที ครั้นจะไม่ให้กะพริบเลยคงทำไม่ได้ เนื่องจากโดยธรรมชาติมนุษย์ ขอบหนังตาถูกสั่งการโดยสมองให้กะพริบเป็นปกติ ถ้าไม่กะพริบเลยคงต้องไปปรึกษาแพทย์ บางครั้งหนังตากระตุกอีกต่างหากด้วย


          อ้าว! ไหงเลยไปเรื่องกะพริบตา… ขอกลับมาที่ดวงดาวกับการเมืองกันต่อ ในเมื่อ "โหรวันชัย” มั่นใจว่า การเปลี่ยนแปลงที่ว่าเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้นต้องไล่เลียงดูปฏิทินที่ท่านอ้างว่าสอดรับกันสักหน่อย


          พบว่าวันพรุ่งนี้ (21 ม.ค. 63) ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย คดีที่มีผู้ร้องพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กระทำความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่สัญลักษณ์ “อิลลูมินาติ” เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้มีการยุบพรรค 


          กรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายเปลี่ยนแปลงใหญ่และเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อประเทศหรือไม่ สอบถามกองเชียร์กองแช่งคงตอบแตกต่างกันไป เป็นเรื่องยากคาดเดา อีกทั้งจะเข้าลักษณะความผิดนำไปสู่การยุบพรรคได้หรือไม่ มิอาจก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญ


          กระนั้น “ผู้รู้ดี” อย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คนเดียวกับที่แนะนำการต่อสู้ทางกฎหมายให้แก่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ในคดีถือหุ้นสื่อจนต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง ส.ส.นั่นล่ะครับออกมาโชว์ความปราดเปรื่อง


          ด้วยการจัดทำคลิปแถลงว่า ถ้ายุบพรรคอนาคตใหม่ จะเกิดผลร้าย 3 ประการ เฉพาะข้อสุดท้าย ช่างกล้าสื่อสารว่า “นี่จะเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เรานำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างศัตรูทางการเมือง คุณกำลังผลักไสกลุ่มคนจำนวนมากในสังคม ให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้าม”


          ต่อมา “กูรูจอมท้าทาย” ไปแถลงปิดคดียุบพรรคเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา บอกว่า “คดีนี้ถ้าจะผิดจริง ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้ยุติการกระทำนั้น เพราะข้อหานี้ไม่มีการระบุโทษถึงการยุบพรรค” (ปิยบุตร กล่าวเมื่อวันที่ 18 ม.ค.63)


          การโหมประโคมของ "ปิยบุตร” ต่อบรรดาสาวกสีส้ม ก็สดับตรับฟังและบันทึกพฤติกรรมนักกฎหมายผู้กล้าเอาไว้แล้วกันเผื่อจะเพิ่มอีกคดี เพราะถึงที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างไรต้องสมควรน้อมรับและยึดถือปฏิบัติ


          เอาล่ะ! สมมุติและสมมุติ หาก อนค.ผ่านคดี “อิลลูมินาติ” ไปได้ ต้องเผชิญด่านต่อไปว่าด้วยคดี หัวหน้าพรรคปล่อยเงินกู้ให้แก่พรรค 191 ล้านบาท นำไปสู่ความผิดยุบพรรคหรือไม่ ตามกระบวนการ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ขอให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน นี่ก็ล่วงเลยไปแล้ว จากนี้เข้าสู่ขั้นตอนการวินิจฉัย คาดการณ์ว่าน่าจะราวปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็จะรู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย


          ระหว่างนี้ชาวคณะได้ต่อลมหายใจไปสักระยะ จึงมีความพยายามทุกวิถีทางเคลื่อนไหว ไม่ถอยไม่ทน ตามที่พรรคสีส้มชอบติดแฮชแท็กกันเหลือเกินเพื่อปลุกกระแสมวลชนสร้างแรงกดดัน


          ทว่า ช้าก่อน ยิ่งเคลื่อนไหวต้องยิ่งระมัดระวัง เพราะเมื่อไหร่ที่กระทำการออกนอกกรอบกติกากฎหมายรัฐธรรมนูญมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงดาวหายนะก็คงโคจรมาที่ "พรรคอนาคตใหม่” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ