คอลัมนิสต์

ลุ้นศาลรธน.ตัดสิน 21 ม.ค. ธนาธร ไม่หวั่นถ้า อนค.ถูกยุบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน 21 ม.ค. ฝ่าด่านแรก อนาคตใหม่รอด? เหลืออีกคดี เงินกู้ 191 ล. ธนาธร ไม่หวั่นถ้าถูกยุบ พปชร.รออ้าแขนรับ ส.ส.

 

               “ธนาธร” พร้อมรับคำตัดสินศาลรธน. 21 ม.ค.นี้ ลั่นยุบอนค.ไม่มีความหมาย เตรียมพรรคสำรองให้ส.ส.แล้ว จ่อเดินสายรณรงค์ทั่วประเทศร่วมกับ “ปิยบุตร” ขณะที่ยังมีคดีเงินกู้พรรครอคิววินิจฉัยอีกด่าน

 

               ด้าน “ซูเปอร์โพล” เผยประชาชนรู้สึก “เฉยๆ” หากอนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่กระทบชีวิตประจำวัน พบคนไทยเบื่อ “ข่าวการเมือง” ที่สุด “สนธิรัตน์” พร้อมอ้าแขนรับส.ส.อนค. ขอคุยเป็นกรณีดูความเหมาะสม

 

               การเมืองต้นสัปดาห์นี้มีความร้อนแรงและน่าจับตาอย่างยิ่ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกร้องเรียนมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นการกระทําขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า “บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้” ในวันที่ 21 มกราคมนี้

 

               เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีอิลลูมินาติ ในวันที่ 21 มกราคม ว่า เราพร้อมอยู่แล้ว เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ และเรามั่นใจว่ากระบวนการที่ทำให้มาถึงจุดนี้เป็นกระบวนการที่มีมูลเหตุและแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่า

 

               ดังนั้นเราจึงไม่กังวลและพร้อมทุกสถานการณ์ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร เราพร้อมเดินหน้าต่อไปร่วมกับประชาชน ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคนยังมีความหวัง เพราะตนก็ยังมีความหวังว่าการเปลี่ยนแปลงและสร้างสังคมไทยที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ ขอให้เราเดินต่อไปด้วยกัน

 

               “ถึงจะยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็ไม่มีความหมาย เพราะผมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค จะไปเดินสายรณรงค์เรื่องต่างๆ ทั่วประเทศแทน” นายธนาธรกล่าว

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมพรรคการเมืองให้ ส.ส.ย้ายไปหากมีการยุบพรรคนั้น เป็นพรรคการเมืองลักษณะไหน นายธนาธร กล่าวว่า เดี๋ยวคอยดูดีกว่า ทางเราได้เตรียมความพร้อมสำหรับทุกความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 มกราคม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราถึงไม่มีความกังวลใจ

 

               “ยุบพรรคไปก็ไม่มีความหมาย อุดมการณ์ยังอยู่ ผู้คนยังอยู่ ส.ส.ยังอยู่ ยุบพรรคไปก็มีแต่การยุบพรรค แถมยังได้ธนาธรและปิยบุตรไปรณรงค์ทั่วประเทศ เราพร้อมสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” นายธนาธรกล่าวย้ำ

 

พี่ศรีโพสต์อย่าโกหกย้อน6ข้อ

 

               ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีนายปิยบุตรแถลงข่าวยืนยันไม่มีความคิดล้มล้างสถาบัน โดยมีใจความสรุปว่า “อย่ามาโกหกคำโต ลืมไปแล้วหรือว่าเคยพูดเกี่ยวกับสถาบันไว้อย่างรุนแรงในหลายเรื่อง ซึ่งสะท้อนตัวตนและฐานความคิดเกี่ยวกับสถาบันของคุณและพวกได้แจ่มแจ้งมาก คนไทยส่วนใหญ่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์กันมานานกว่า 800 ปีแล้ว ยกเว้นพวกไร้ราก ลืมกำพืดตัวเอง หลังได้ทุนไปเรียนนอกกลับมา”

 

คดีกู้เงินพรรครออยู่อีกด่าน

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีคดีล้มล้างการปกครองของพรรคอนาคตใหม่ ศาลมีแนวทางในการพิจารณาคือ วินิจฉัยกับไม่วินิจฉัย หากศาลไม่วินิจฉัย เท่ากับเป็นการยกคำร้อง นั่นหมายความว่า พรรคอนาคตใหม่รอดจากการถูกยุบพรรคในคดีนี้ แต่ว่ายังมีคดียุบพรรคกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินที่ กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

               โดยศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเอาไว้แล้ว ขึ้นกับว่าศาลจะเปิดการไต่สวนหรือไม่ โดยคาดว่าศาลจะนัดตัดสินประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาจจะก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น ดังนั้นหากพรรคอนาคตใหม่รอดจากคดีล้มล้างการปกครองยังมีคดีเงินกู้พรรคที่ กกต.มีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้วรออยู่อีกด่านหนึ่ง

 

โหนฝุ่นแจกหน้ากากอนามัย

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายธนาธร และแกนนำพรรค อาทิ นายปิยบุตร, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค พร้อมด้วย ส.ส.เขต กทม.ของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อรณรงค์แจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 ให้แก่ประชาชนที่ตลาดรุ่งเจริญ เขตยานนาวา และวงเวียนสมเด็จพระเจ้าตากสิน

 

               นายธนาธร กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาขณะนี้หากทำในเชิงรูปธรรมคงยาก แต่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านการบรรเทาผลกระทบสุขภาพประชาชน ด้วยการให้ข้อมูลเพื่อตระหนักถึงปัญหา รวมถึงการแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยและเข้าไม่ถึงหน้ากากอนามัยชนิดที่กันฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ได้ ทั้งนี้หากค่าของฝุ่นละอองมีมากจนส่งผลต่อสุขภาพก็ควรมีการปิดเรียนชั่วคราวซึ่งเป็นมาตรการของทุกประเทศที่ประสบปัญหานำมาใช้ และต้องคิดล่วงหน้าว่าหากปีหน้าต้องเผชิญปัญหาอีกจะทำอย่างไร

 

               สำหรับการรณรงค์แจกหน้ากากอนามัย พีเอ็ม 2.5 ของนายธนาธร และแกนนำพรรค ได้เดินสายแจกในช่วงบ่ายที่ตลาดมาวิน พระราม2, หมู่บ้านเศรษฐกิจ บางแค และช่วงเย็นที่สยามสแควร์และบริเวณสถานีรถไฟฟ้าเอกมัย เป็นต้น

 

โพลล์ชี้ปชช.รู้สึกเฉยๆยุบอนค.
 

               วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “สุดยอดข่าวน่าเบื่อ” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” ด้วยระบบเน็ตซูเปอร์โพล จำนวน 2,845 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” จำนวน 2,160 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 13–18 มกราคม

 

               พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.2 เบื่อข่าวการเมืองมากที่สุด เพราะเละเทะ ผิดหวัง วุ่นวาย กร่าง วางอำนาจบาตรใหญ่ นิสัยแย่ๆ มีแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน วันๆ ไม่เห็นทำอะไร มีแต่ทะเลาะกัน และสร้างความเกลียดชังในสังคม เป็นต้น

 

               ทิ้งห่างอันดับรองลงมา คือ ข่าวดาราบันเทิง ร้อยละ 17.0 เพราะทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เป็นตัวอย่างที่ดี ว่ากันไปมายุ่งการเมือง ข่าวมือที่สาม เกี่ยวยาเสพติด เป็นต้น ข่าวอาชญากรรม ร้อยละ 9.7 เพราะซ้ำซาก น่ากลัว สะเทือนใจ หดหู่ สังคมเสื่อม และร้อยละ 12.1 ระบุอื่นๆ เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ปากท้อง สภาพอากาศ มลพิษ เพราะแก้กันไม่ได้เสียที ปัญหาซ้ำซาก น่าเบื่อ เป็นต้น

 

               อย่างไรก็ตามที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความรู้สึกถ้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.8 รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะจะยุบก็ยุบไปไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตประจำวัน ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำมาหากิน นักการเมืองไม่เห็นทำอะไร มีแต่ใช้สำนวนโวหาร วาทกรรม ยุยงปลุกปั่นให้สังคมวุ่นวาย

 

               พวกอุดมการณ์จอมปลอม จัดกิจกรรมหาเงินเข้ากระเป๋า พอมีอำนาจก็ลืมประชาชน ปกปิดเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน สุดท้ายประชาชนต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนของตัวเอง เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 33.2 ระบุว่า ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นพรรคฝ่ายค้านคุณภาพ ขาดพรรคฝ่ายค้านที่ดี พรรคนี้พูดดีตรงใจประชาชน ขาดพรรคตรวจสอบ เป็นต้น

 

พบการเมืองใช้สื่อโซเชียลสูง

 

               นายนพดล กล่าวว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” ในหัวข้อ “ใครอะไรในโลกโซเชียล” พบว่า เมื่อนำบุคคลสำคัญของสังคมไทยสองคนมาเป็นบุคคลเพ่งเล็งพิเศษ ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
 

               รวมถึงกิจกรรมการเมืองจุดสนใจพิเศษสองกิจกรรมได้แก่ “วิ่งไล่ลุง” กับ “เดินเชียร์ลุง” พบว่านายธนาธรกำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลภายในประเทศไทย ประมาณ 14,732,645 คน หรือกว่า 14 ล้านคน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลประมาณ 19,707,072 คน หรือกว่า 19 ล้านคน โดยค้นพบว่านายธนาธรมีกลุ่มคนในโลกโซเชียลแห่ใช้คำว่า “อย่ากลัวอนาคต” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคำว่า “คิดถึงความดีที่ทำไว้”

 

               นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือ การใช้ช่องทางสื่อในโลกโซเชียล พบว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายธนาธร กำลังถูกคนในโลกโซเชียลใช้ช่องทางสื่อพูดถึงกล่าวถึงผ่านทางทวิตเตอร์มาเป็นอันดับที่ 1 รองลงมาคือเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นายธนาธร ถูกใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 62.7 มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 45.6 ขณะที่เว็บไซต์ถูกใช้พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 38.3 มากกว่านายธนาธร ร้อยละ 29.8 และเฟซบุ๊ก ถูกใช้พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 10.6 มากกว่านายธนาธร ร้อยละ 4.6 ตามลำดับ

 

               อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ กิจกรรมวิ่งไล่ลุง กับ เดินเชียร์ลุง มีการใช้ช่องทางสื่อโซเชียลแตกต่างกัน คือเดินเชียร์ลุงใช้ทวิตเตอร์ร้อยละ 70.7 วิ่งไล่ลุงใช้ร้อยละ 49.4 แต่วิ่งไล่ลุงใช้ยูทูบสูงถึงร้อยละ 45.9 ขณะที่ เดินเชียร์ลุง ใช้เพียงร้อยละ 1.2 โดยมีการใช้เว็บไซต์สูงถึงร้อยละ 26.5 แต่วิ่งไล่ลุงใช้เว็บไซต์เพียงร้อยละ 0.9 เท่านั้น

 

จตุพรเชื่อชั่งใจให้เสียน้อยที่สุด

 

               ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงการยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ที่ผ่านมาพูดมาหลายครั้งและเห็นความเป็นไปคือการเตรียมความพร้อมรับมือของพรรคอนาคตใหม่เพราะประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนั้นมีมาแล้วอย่างน้อย 4 พรรคการเมือง ซึ่งมีการออกแบบแตกต่างกันไป โดยเฉพาะตอนยุบพรรคไทยรักไทยคืออยู่ในระหว่างรัฐบาลที่มีการรัฐประหาร ซึ่งหลายคนคิดว่าพรรคการเมืองที่มีสมาชิกกว่า 14 ล้านคนจะไม่มีใครกล้ายุบพรรค เพราะในวันเดียวกันนั้นมีการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน

 

               ทั้งนี้ หลังการยุบสภาในปี 2549 และนำไปสู่การรัฐประหารนั้น 2 พรรคการเมืองได้ยื่นยุบพรรคระหว่างกัน คือพรรคประชาธิปัตย์ยื่นยุบพรรคไทยรักไทยในข้อหาว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะในขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้ง ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้ออกแบบไว้ว่าหากกรณีมีผู้สมัครคนเดียว ผู้สมัครคนนั้นจะต้องได้รับเสียงเกินกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

 

               ในเขตพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ผูกขาดของพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานั้น ปรากฏว่ามีการขัดขวางและดำเนินการทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีคะแนนเสียงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ได้ฟ้องร้องว่าพรรคไทยรักไทยได้จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ขณะเดียวกันพรรคไทยรักไทยก็ฟ้องประชาธิปัตย์ว่าใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยในกรณีดังกล่าว

 

               จนในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบพรรค แต่พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค ต่อมาก็เป็นพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรคอีกครั้ง ดังนั้นโทษการยุบพรรคชัดเจนว่า หาก ส.ส.เป็นกรรมการบริการพรรคก็พ้นสภาพโดยตำแหน่งและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี

 

               ดังนั้นการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ในอีก 2 วันข้างหน้านั้น จากการที่ติดตามการแถลงข่าวของนายธนาธร และนายปิยบุตร ก็มีการเตรียมความพร้อม เพราะชะตากรรมของการถูกยุบพรรคนั้นจะต้องมีพรรคสำรองไว้ และหากถูกยุบพรรคจริงนั้นกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

 

               ดังนั้นต้องดูว่ากรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น ส.ส.จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร หากวัดดวงตัดสินใจไม่ลาออก ก็ต้องยอมรับว่าจะต้องเสีย ส.ส.ไปทั้งหมด 11 ที่นั่งจากจำนวน 76 เหลือ 65 ที่นั่ง แต่หากตัดสินใจเด็ดขาดคือการน้อมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และวางแผนกันอย่างมีสติ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตัดสินใจลาออกทั้ง 11 คนเพื่อให้ลำดับถัดไปได้ขึ้นมาเป็นส.ส. ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวลาที่จะต้องตั้งสติเพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดของจำนวนส.ส.ในสภา ดังนั้นเชื่อว่าอยู่ระหว่างการชั่งใจ เนื่องจากมีแบบอย่างและบทเรียนให้ได้เห็นมาแล้ว

 

พปชร.พร้อมรับส.ส.อนค.

 

               ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ทางพรรคพลังประชารัฐพร้อมรับส.ส.ที่จะเข้ามาสังกัดหรือไม่ว่า ยังไม่รู้เลยว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบหรือไม่ยุบ ส่วนจะมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ก็ต้องมาคุยกันเป็นกรณีๆ ไป ต้องดูถึงความเหมาะสมต่างๆ

 

               เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ขับออก ขณะนี้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ส่วนรายละเอียดไม่ทราบ ให้ไปถามนายทะเบียนพรรค ส่วนมติขับของพรรคอนาคตใหม่สมบูรณ์หรือไม่ ให้ไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรสถานภาพความเป็น ส.ส.ยังอยู่ แต่ขึ้นอยู่ว่าจะเป็นส.ส.ของพรรคการเมืองใด

 

นักข่าวอาวุโสรออาฟเตอร์ช็อก

 

               ส่วนนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ “เป๊ปซี่” ผู้สื่อข่าวอาวุโส ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า “อีกสองวันฟ้าแจ้งจางปาง...ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ไม่มีฟื้น...เตรียมน้ำมะพร้าวรอหน้าศาล รธน.ก่อนขาดตลาด หาซื้อไม่ได้... ลุ้นเสียงข้างมากหรือเอกฉันท์ ...อาการดิ้นพล่านที่ มธ.รังสิต ชัดเจน จบข่าวแจ่มจันทร์...

 

               หมอดูเปปทำนายฟันธงจากช่วงปลายปี ย้ำยันข้ามปี อังคารนี้ลุ้นหวยออก 54 63 72 หรือ 90 พวกเนรคุณคิดร้ายจาบจ้วง อ้างประชาชนหน้าตาเฉย เหมือนพวกคอมมูหน่อย ได้เห็นดีกันอังคารนี้" และว่า "รออาฟเตอร์ช็อกที่จะตามมา ความรุนแรงระดับแจ่มจันทร์#ฟ้ามีตา"

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ