คอลัมนิสต์

เปิดใจ.. 'กรณ์'ตั้งพรรคใหม่ ระดมคนมีของ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ.. 'กรณ์ จาติกวณิช''อดีตขุนคลังพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งหนึ่งเคยทิ้งเงินเดือน6ล้านบาท บ่ายหน้าสู่การเมือง วันนี้ลาออก..ตั้งพรรคใหม่ ระดมคนมีของ

 

 

           เปิดใจ“กรณ์ จาติกวณิช” หลังออกจากชายคาบ้านประชาธิปัตย์ ที่อยู่มากว่า15ปี อะไรคือเหตุผลการตัดสินใจ รวมถึงอนาคตทางการเมืองของอดีตขุนคลังว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด ?

 

          การลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ของ กรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตขุนพลด้านเศรษฐกิจคนสำคัญพรรค หลังรวมชายคาบ้านหลังดังกล่าวมากว่า 15 ปี ตามมาด้วยคำถามถึงเหตุผลการตัดสินใจในครั้งนี้ รวมถึงอนาคตทางการเมืองของอดีตขุนคลังว่าจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป

 

       ทุกข้อสงสัยต่างๆ “กรณ์” เปิดใจผ่านรายการคมชัดลึก ออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง22 เริ่มที่การตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า ไม่เคยคิดที่จะย้ายพรรค และจะอยู่กับพรรคตั้งแต่วันแรกและวันสุดท้ายที่เลิกเล่นการเมืองว่า..

 

      ผมคิดว่าเวลาการทำงานของเรามีจำกัด บวกกับความตั้งใจที่จะทำหลายเรื่องให้กับบ้านเมือง โดยเฉพาะช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งมีเรื่องต้องทำเยอะมาก ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ผมก็มีความรู้สึกว่าการออกมาทำงานนอกพรรคจะทำให้ผมสามารถดำเนินไปสู่จุดหมายที่อยากจะทำมากกว่า

 

      ที่ผ่านมาต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสผมมากที่สุด นับตั้งแต่ตัดสินใจมาทำงานการเมืองตั้งแต่การลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกในปี2548 ตอนนั้นอายุ 39 ปี จึงถือว่าถ้าไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสผม ผมคงไม่มีโอกาส และหลังจากทำงานการเมืองมาเพียงแค่ 4 ปี พรรคประชาธิปัตย์ก็ให้โอกาสผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในช่วงที่งานท้าทายมากที่สุดช่วงหนึ่งในฐานะรัฐมนตรี ก็เป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่ง

 

       เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาต้องถือว่า ในชีวิตการเมืองของผมถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปิดทางให้ก็คงไม่มีโอกาส แต่ขณะนี้เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงซึ่งเราจะทำทุกอย่างคิดทุกอย่างแบบเดิมไม่ได้

 

       ผมจึงคิดว่า ผมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงและอยากที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนคำตอบให้กับสังคมไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบกับชีวิตของเรา จึงคิดว่าการออกมาขับเคลื่อนข้างนอกน่าจะสะดวกกว่า


   

 

 

          กรณ์ ยังระบุว่า ในขณะนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสู่การตั้งพรรคการเมืองอย่างแน่นอนแล้ว ความตั้งใจคือ “การระดมคนมีของ” ที่ประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งหรือมีของในด้านความคิด ความตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศเพื่อรองรับการปรับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีความจริงๆในแต่ละเรื่อง เช่นเรื่องของเทคโนโลยีซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเป็นส่วนมาก

 

       นอกจากเรื่องนี้ยังมีอีกหลายกลุ่ม4-5ปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสศึกษาในเรื่องการยกระดับสินค้าการเกษตรให้เป็นสินค้าพรีเมียม ซึ่งได้เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างการผลิต การตลาด การขายทุกๆกระบวนการ ส่วนนี้จึงต้องอาศัยคนที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการเกษตรเพื่อทำให้อุตสาหกรรมเกษตรซึ่งผู้ผลิตคือเกษตรกรขับเคลื่อนไปได้อย่างแท้จริง


      “โอกาสมันมีไม่เยอะที่จะมาตั้งพรรคการเมือง จากนี้เราจะรวมตัวกลุ่มคนที่ไม่จำเป็นต้องทำงานการเมืองมาเลย การตั้งพรรคที่เกิดขึ้นอาศัยเจตนาของพวกเรา 2 คน (อรรถวิชย์ สุวรรณภักดี) เป็นจุดเริ่มต้นในการวางกรอบของพรรคการเมือง”

 

      แต่ในแง่ของผู้รู้ ผู้ขับเคลื่อน ผู้กำหนดนโยบาย ผู้ที่จะเป็นตัวละคร ไม่จำกัดเฉพาะอดีตนักการเมือง แต่อยากให้มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจ แต่ต้องเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและสังคม

  ตรงนี้ถ้ามี 100 คน อยากให้ 80 คนเป็นคนใหม่และเป็นผู้ที่มีของอยากมาทำ

 

       นอกจากอยากทำแล้ว ต้องเป็นผู้ที่กล้าตัดสินใจ เพราะการทำงานระดับประเทศมันมีผู้ได้ผู้เสียในทุกๆ เรื่องที่ทำ ทุกนโยบายที่เสนอออกไปมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงผลข้างเคียงในเกือบทุกเรื่อง ขณะเดียวกันต้องกล้าที่จะพลาดพลั้งและเรียนรู้จากความพลาดพลั้ง

 

      ไม่เพียงเท่านั้น เมื่ออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการเมืองไทย คือ "ระบบราชการ" โดยเฉพาะคดีความต่างๆ ที่อาจมีความผิด กรณ์ มองว่า ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตการดำเนินคดีต่างๆ มันเกิดจากการทุจริตแทบทั้งสิ้น ไม่มีกรณีไหนที่เป็นการทำตามนโยบายแล้วมันไม่ดี ไม่ได้ผล


          สรุป คือ ติดคุกเพราะทุจริต เพราะฉะนั้น อย่าเอาประเด็นนี้มาเป็นข้ออ้างที่ไม่ทำอะไร สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายการเมืองมาโดยตลอด

 

         ในแง่ของยุทธศาสตร์พรรคเราต้องมีผู้สมัครลงทุกเขตทั่วประเทศ เพราะเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญในปัจจุบันทุกคะแนนเสียงมีค่า เพราะฉะนั้นทุกคะแนนทั่วประเทศจึงมีผลซึ่งไม่จำเป็นต้องชนะ แต่จะช่วยให้เรามีโอกาส การนำประเด็นเกี่ยวกับระบบราชการมาเป็นความกลัวจะถือเป็นความล้มเหลวในระบบการเมือง


     

 

         กรณ์ ยังกล่าวย้ำว่า ​พรรคไม่มียุทธศาสตร์ในการทาบทามส.ส.ที่แตกจากการยุบพรรค หรือรวมตัวอดีตส.ส.จากพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะเรามีความตั้งใจที่จะสร้างพรรคใหม่ที่ใหม่จริงๆ สัดส่วนส่วนใหญ่ของสมาชิกไม่ควรที่จะมีอดีตส.ส.ในจำนวนที่มากเกินไป แต่ควรจะมีประชาชนคนธรรมดา หรือผู้รู้ผู้ที่มีศักยภาพมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ประเทศ

 

       “ผมขอถือโอกาสนี้ที่จะเชิญชวนให้ทุกท่านมาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าอาชีพใดก็แล้วแต่ที่มีความรู้สึกอึดอัด กับทิศทางของประเทศอยากเข้ามามีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาของประเทศเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้พี่น้องประชาชนขอให้ติดต่อมา”

 

     การที่พรรคเกิดใหม่มักจะถูกผลักให้อยู่ในขั้วการเมืองทั้งขั้วซ้ายและขั้วขวา 

     กรณ์มองว่า พรรคเราต้องการที่จะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในฐานะนักการเมืองผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ความตั้งใจทำงานการเมืองจึงเน้นที่การปฏิบัติ แม้ว่า

     หลังจากนี้จะมีอุบัติเหตุการเมืองจนนำไปสู่การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ผมก็จะเสนอในสิ่งที่อยากทำ ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอนว่าก็ต้องเป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้วเพราะเป็นวิธีการที่มีโอกาสในการขับเคลื่อนทางความคิด

         กรณ์ยังพูดทิ้งท้ายถึงประเด็นที่มีการมองว่า การลงสนามการเมืองของเขาครั้งนี้ ถือเป็นการล้างคราบครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการล้างคราบที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีออก ว่า อะไรที่เคยทำมามันก็อยู่ที่ตัวผมคงไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ทำมาในอดีตได้ ผมคิดว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามฟอกตัวกรณ์ จาติกวณิช ก็คือกรณ์ จาติกวณิช สิ่งที่ทำมาตลอด15ปีในสนามการเมืองก็ทำด้วยความตั้งใจที่จะทำให้เกิดประโยชน์ให้บ้านเมือง

     อ่านข่าว : กรณ์ ร้องเพลงทั้งน้ำตา อำลา ปชป. ออก 15 ม.ค.

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ