คอลัมนิสต์

ยาแรง-ใช้ให้เสมอภาค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ยาแรง-ใช้ให้เสมอภาค บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 15 มกราคม 2563

 

 

          กลับมาเป็นปัญหาบั่นทอนสุขภาพร่างกายและจิตใจของชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑทลอีกครั้ง สำหรับภาวะฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 จากการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อสัปดาห์ก่อนได้สรุปสถานการณ์เอาไว้ว่า ฝุ่นพิษมีแหล่งกำเนิดมาจาก 3 แหล่งคือ รถยนต์ การเผาในที่โล่งแจ้ง และสภาพความกดอากาศต่ำ โดยเฉพาะรถยนต์เป็นพาหนะที่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษมากที่สุดถึงร้อยละ 75.4 โดยในแต่ละวัน กรุงเทพฯ มีปริมาณรถยนต์ออกมาวิ่งบนท้องถนนมากถึง 10 ล้านคัน ข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุชนิดรถยนต์ที่ก่อปัญหาคือกว่าร้อยละ 20 มาจากรถบรรทุก รถกระบะร้อยละ 20 นอกจากนี้ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 18 นอกจากนั้นมาจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ

 

อ่านข่าว... วิกฤติฝุ่นพิษ

 

 

          ฝุ่นพิษในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงเป็น “เมืองในหมอก” มาแล้วในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนปีที่แล้ว หน่วยงานที่่เกี่ยวข้องได้เร่งระดมแก้ปัญหากันอย่างพร้อมเพรียง เช่น กรมการขนส่งทางบกส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจรถยนต์ควันดำ โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลอย่างรถประจำทาง รถบรรทุก รถกระบะ กรมควบคุมมลพิษร่วมกันหลายหน่วยงานออกมาตรการเร่งด่วน พร้อมกับขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่จนถึงขณะนี้มาตรการต่างๆ ยังถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ขู่ว่าจะใช้ยาแรงเพื่อแก้ปัญหา


          ตามขั้นตอนก่อนจะออกมาเป็นมาตรการนั้นจะต้องได้ข้อสรุปจากคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ซึ่งมีปลัด ทส. เป็นประธานเสียก่อน จากนั้นจะนำมติเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติก่อนนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อบังคับใช้ต่อไป น่าคิดว่าเมื่อแหล่งกำเนิดฝุ่นพิษส่วนใหญ่แล้วมาจากรถยนต์แล้วจะมีมาตรการใดออกมาเพื่อดำเนินการกับยานพาหนะที่กำลังก่อปัญหามลพิษในเมืองอย่างหนักขณะนี้ มีข่าวจากกรมการขนส่งทางบกว่าจะเพิ่มวันตรวจรถควันดำซึ่งโฟกัสไปยังรถประจำทางกับรถบรรทุก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลในวันหยุดราชการด้วย แต่นั่นก็ยังมีคำถามว่า เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือไม่




          ปัญหามลพิษในเมืองหลวงและจังหวัดหัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต อันเนืองแน่นไปด้วยย่านธุรกิจและกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกำลังลุกลามกลายเป็นงูกินหาง เพราะถ้าสภาพแวดล้อม อากาศเลวร้าย ก็จะย้อนกลับมาทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวหรือแม้แต่อุตสาหกรรมและการลงทุนเอง ถึงวันนี้ ทุกภาคส่วนจึงทบทวนถึงแผนระดับชาติเพื่อเอาชนะปัญหามลพิษให้ได้ อย่างเช่นความพยายามงดใช้ถุงพลาสติกที่จะต้องทำต่อเนื่องต่อไป แต่ปัญหาฝุ่นพิษนั้นก็ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและมีมาตรการระยะยาวต่อไปไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง แก้กันปีต่อปี โดยเฉพาะเมื่อรัฐลงทุนระบบขนส่งมวลทางรางไปด้วยงบประมาณมหาศาลแล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้พาหนะส่วนตัว มาก่อมลภาวะอยู่เช่นนี้ ยาแรงที่ว่าจึงควรใช้อย่างเสมอภาคไม่เหลื่อมล้ำ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ