ไบโอแมทริกซ์ ศึกพี่น้อง  ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ

         ความขัดแย้งในวงการสีกากี  ทำเอาทุกสายตาจับจ้องไปที่ “บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก”  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)

      แว่วว่านาทีนี้ การต่อสู้ห้ำหั่นของคู่ปรับก้าวไปถึงขั้น"ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" ต้องเอากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง    

       ความขัดแย้งของคู่พี่น้องนี้สะสมมานานพอสมควร และเมื่อได้ฟังข้อมูลจากคลิปเสียง จะพบได้ว่า ส่วนหนึ่งของรอยร้าวเกิดจาก "พลโท" ข้ามหน้ามาสั่งงาน"พลเอก"  ไม่เห็นหัว หลอกใช้

        จนขยับเข้าสู่จุดแตกหักคือการเด้ง “บิ๊กโจ๊ก” พ้นออกจากวงจรตำรวจไปสังกัดข้าราชการพลเรือน ซึ่งฝ่ายผู้ถูกกระทำเชื่อว่าเบอร์หนึ่งของวงการ  คือผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนข้อมูล ผสมปนเปใส่สีตีไข่กันไป

        "ตัดหัว"แล้วยังไม่จบมีระลอก 2 ย้ายล้างบางใน สตม. อีกด้วย

        แว่วว่า...เร็วๆนี้ยังจะมีการล้างบาง กวาดล้างซ้ำอีกรอบ  สถานการณ์ที่บีบรัด? ที่มาพอเหมาะพอดีกับเหตุลอบยิง(รถ) อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การตัดสินใจดับเครื่องชน  เพื่อประกาศไปยังแนวหนุนของ 2 ฝ่าย ว่าถึงเวลาเลือกข้าง 

   

        โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคล ระบบไบโอแมทริกซ์ และรถไฟฟ้าอัจฉริยะ 2 โครงการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งกลายมาเป็นข้อขัดแย้งหลักได้เข้าสู่การตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  

           

        โดยข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ โครงการที่ สตม.เป็นต้นเรื่องเสนอของบประมาณ กลับถูกโยกไปให้ส่วนกลางจัดซื้อ เข้าทำนอง "คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ"  เรื่องเดิมตั้งงบฯไว้ 1,000 ล้านบาท แต่ต่อมาถูกขยายวงเงินเพิ่มไปเท่าตัวเป็นกว่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ ไม่ใช่การพัฒนาเทคโนโลยีให้สูงขึ้น  ซ้ำร้ายไบโอแมทริกซ์ถูกทดสอบและวิจารณ์ว่า ไม่เวิร์ค ระบบไม่เสถียร และใช้งานไม่ได้ตรงตามที่กำหนดคุณสมบัติไว้ในทีโออาร์ ขณะที่การจัดซื้อรถไฟฟ้าอัจฉริยะก็มีราคาสูงลิ่วเกินกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นๆไปถึง 3 เท่า 

   

    โดยในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงของป.ป.ช. "บิ๊กโจ๊ก" เข้าให้ข้อมูลในฐานะผู้เสนอให้ยกเลิกสัญญา เพื่อตอกย้ำประเด็นการทุจริตและความไม่คุ้มค่าของทางราชการ และขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบสาวลึกไปว่า บริษัทที่ประมูลขายรถไฟฟ้าอัจฉริยะ เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรือไม่  ผู้ประมูลระบบไบโอแมทริกซ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เคยมีประวัติรับงานในสตม.บ้างหรือไม่ รวมถึงการขยายวงเงินเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาทว่า ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ ส่วนในประเด็นการจัดซื้อคุรุภัณฑ์ในราคาแพงนั้น ป.ป.ช.กำหนดประเด็นให้ชี้แจงเพิ่มเติม  โดยให้ บิ๊กโจ๊ก กลับไปทำเอกสารเปรียบเทียบราคารายการคุรุภัณฑ์ต่างๆ  เช่น ปืนไฟฟ้า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอัจฉริยะเครื่องละ 2 แสน บาท ขณะที่คอมพิวเตอร์ในท้องตลาดขายกันประมาณ 20,000 บาท รถยนต์ BMW คันละกว่า 4 ล้านบาท เหตุใดจึงไม่เลือกใช้ยี่ห้ออื่นที่มีราคาเพียง 1 ล้านบาทเศษ

      

      นอกจากนี้ “บิ๊กโจ๊ก” ยังเรียกร้องให้นำทีโออาร์มากาง แล้วตรวจสอบเป็นรายข้อ เพื่อพิสูจน์ว่าไบโอแมทริกซ์ใช้งานจริงๆได้กี่ข้อ การขยายวงเงินเพิ่มทำให้มีอุปกรณ์ไบโอแมทริกซ์จัดส่งไปให้ภูธรจังหวัดและตำรวจท่องเที่ยวใช้งานนั้น  ได้ใช้งานตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ รวมถึงการนำไฟฟ้าอัจฉริยะ BMW ไปใช้เป็นรถนำขบวน ถือเป็นการใช้งานครุภัณฑ์ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ 

     ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือบิ๊กป้อม เตรียมเป็นคนกลางเคลียร์ใจหย่าศึกให้กับปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้  “บิ๊กโจ๊ก”  ปฏิเสธว่า จนขณะนี้ เขายังไม่ได้รับการติดต่อจากพล.อ.ประวิตร ส่วนตัวยังเคารพและยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพล.อ.ประวิตร  แต่เชื่อว่าพล.อ.ประวิตรจะไม่มาสั่งการในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ของประเทศ เรื่องดีๆ ท่านจะส่งเสริม เรื่องไม่ดี เรื่องชั่วๆเลวๆ ท่านจะไม่ยุ่ง  แต่หากได้รับการติดต่อจากพล.อ.ประวิตร  ก็พร้อมคุยทุกเรื่อง จะคุยกี่รอบก็พร้อม แต่จุดยืนไม่เปลี่ยน  ยืนยันว่าจะไม่ยอมทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย และถ้าเป็นไปได้ขอพูดคุยกันต่อหน้าสื่อมวลชน 

ส่วนประเด็นที่ถูกมองเป็นเกมจัดฉากเพื่อให้ได้กลับเข้ารับราชการตำรวจนั้น “บิ๊กโจ๊ก” บอกว่าเขาถูกย้ายมานานเป็นปี ที่ผ่านมาอยู่อย่างอดทน ไม่เคยแม้แต่จะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม การจะได้กลับมาเป็นตำรวจหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา  ยิ่งประเด็นที่นำมาตีความว่าเป็นศึกแย่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้นยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเขาเป็นแค่พลตำรวจโทแย่งชิงตำแหน่งผบ.ตร.ไม่ได้ 

    ไบโอแมทริกซ์ ใครจะรอดหรือไม่  ขึ้นอยู่กับพยานเอกสารที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องงัดขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้   โดยป.ป.ช.จะลงพื้นที่เพื่อสุ่มตรวจและพิสูจน์การใช้งานของระบบไบโอแมทริกซ์ในด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงรอบด้าน โดยเฉพาะในประเด็นที่ “บิ๊กโจ๊ก” ทำเป็นบันทึกข้อความเสนอ ผบ.ตร.ฉบับลงวันที่ 7 พ.ย.2561 เพื่อให้พิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโครงการไบโอแมทริกซ์ ระยะที่ 1 ซึ่งสตม.ในฐานะผู้ใช้งานพบว่า จากการติดตามโปรแกรมตรวจบุคคลเดินทางเข้า-ออก ซึ่งบริษัทแจ้งว่า การเชื่อมต่อข้อมูลในระบบไบโอแมทริกซ์กับระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง สมบูรณ์ถูกต้องแล้ว แต่สตม.ยังพบปัญหาการใช้งานไม่ได้ อีกทั้งมีการส่งมอบงานตามงวดงานต่างๆ ล่าช้ากว่ากำหนด เป็นระยะเวลานานมากทุกครั้ง