วงแตก พับแผน' ตั้งพรรคใหม่' เมื่อคนต่างขั้ว ทุนรอนไม่สะพัด

 

        เป็นไปตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเตรียมก่อร่างสร้าง“พรรคการเมืองใหม่” ขึ้นมา ไปไกลถึงขนาดว่าออกแบบโลโก้ ได้ชื่อพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    บุคคลเบื้องหลังไม่ใช่ใครที่ไหน คีย์แมนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการปั้นพรรคใหม่ ต่างเป็นที่รู้จักกันดี แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คนชื่อ “กรณ์ จาติกวณิช” ส.ส.ประชาธิปัตย์ ตามที่มีการพูดถึงก่อนหน้านี้ เหตุที่ชื่อ “กรณ์” โผล่มาโดดๆ จนหลายคนอยู่ในอาการงุนงงนั้น ไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไป

      เรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ตอนแข่งขันชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง เมื่อ “กรณ์” ฐานะหนึ่งในแคนดิเดตดูมีความมั่นอกมั่นใจว่าจะผงาดนำพรรคสีฟ้า เมื่อ "เพื่อนมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกลุ่มก๊วนในทีมตกปากรับคำว่าจะลงคะแนนสนับสนุน

    แต่เมื่อมีชื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” โผล่เข้ามาคั่วตำแหน่งด้วยอีกคน “มาร์ค” ถึงกับคิดหนัก เมื่อประเมินเสียงสนับสนุนแล้ว หากเลือก “กรณ์” อย่างเดิม มีหวังแพ้ “พีระพันธ์ุ”

     การที่ “มาร์ค” พยายามสกัด “พีระพันธุ์” ไม่ใช่เพราะเหตุผลอะไรอื่น คือ ผู้ใหญ่คนสำคัญใน “ประชาธิปัตย์” ไม่ปลื้ม นั่นเอง

      “มาร์ค” จึงต้องแก้เกมเรียกถกก๊วนตัวเองจนเปลี่ยนท่าที หันไปโหวตให้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” กระทั่ง เข้าวินชนะทั้ง พีระพันธุ์ กรณ์ และอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ในที่สุด

      เมื่อโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จึงไม่แปลกถ้า “กรณ์” จะโกรธควันออกหู ถึงขนาดมีเสียงเล่าอ้างกันในพรรคว่า “กรณ์” เปรยถึงขั้นที่ว่า “จะไม่อยู่แล้วนะที่นี่” เพราะรู้สึกว่า…

      ตรงนั้นอาจเป็นจุดแตกหัก บีบ “กรณ์” ให้ ต้องมองหาลู่ทางทางการเมืองในวันข้างหน้า คือ “ย้ายพรรค” หรือ“ตั้งพรรคใหม่” สำหรับ “กรณ์” ตัวเลือกแรกอาจไม่ตอบโจทย์ ด้วยเหตุและปัจจัยบางอย่าง อาทิ บางพรรครับเงื่อนไขของเขาไม่ได้ เป็นต้น

       การตั้งพรรคใหม่จึงมีความเป็นไปได้มากกว่า หากแต่ “กรณ์” ไม่ใช่คนริเริ่ม กลับเป็น เอ๋ “อรรถวิชย์ สุวรรณภักดี” นั่นเอง ด้วยปัจจัยกระตุ้นที่เห็นปรากฎการณ์พรรคเกิดใหม่ ต่างได้ส.ส.กันถ้วนหน้า จึงมีความหวัง

       ก่อนที่ “อรรถวิชย์” ซึ่งสนิทสนมกับ “บิ๊กแอร์เอเชีย” เสี่ยโจ “ทัศพล แบเลเว็ลด์” เป็นทุนเดิม จึงชักชวนกันมา กระทั่ง มีการส่งทีมงานมาร์เก็ตติ้งเข้ามาช่วยวางแพลนให้แล้ว นอกจากนั้น ยังมี “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” เป็นแกนหลักอีกคน รวมถึงอดีตส.ส.ภาคเหนือประชาธิปัตย์บางส่วน ขณะที่ “กรณ์” นั้น อาจจะพูดว่ามาสมทบเป็นคนท้ายๆ จากการชวนของ “อรรถวิชย์” ก็ว่าได้

      แต่จากนั้นไม่นาน แผนการอันสวยหรูก็มีอันต้องพับเอาไว้ เมื่อ “กรณ์” ก้าวเข้ามาแจม ในจังหวะไล่เลี่ยกันนั้น “หมอวรงค์” ก็ถอนตัว ไปโผล่ร่วมงานกับ "พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ในที่สุด แถมปัยจัยเรื่องเงินทุนดูจะไม่พร้อม คนที่เชื่อว่าจะมาเป็นกระเป๋าสตางค์ให้ กลับไม่ควักอย่างที่คิด

      ความฝันเรื่องการตั้งพรรคใหม่ มีอันต้องเก็บพับเข้าลิ้นชัก เปลี่ยนแผนกลายเป็นการตั้ง “มูลนิธิใหม่” แทน

       ส่วน “กรณ์” ก็อาจจะต้องรอต่อไป หากถึงคราวต้องเก็บของเดินจากบ้านเก่าจริง เขาจะเลือกแบบไหน