คอลัมนิสต์

เมื่อ"ทรัมป์"บินถอยหลัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อ"ทรัมป์"บินถอยหลัง บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563

 


          ทำเอาคนทั้งโลก “โล่งอก” หายใจทั่วท้องหลังจาก “ประธานาธิบดี” โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดแถลงข่าวยิงตรงมาจากทำเนียบขาวถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างอเมริกากับอิหร่านว่า “สหรัฐ” ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องใช้แสนยานุภาพทางทหารกับอิหร่าน แต่จะใช้มาตรการด้านเศรษฐกิจตอบโต้หากอิหร่านยังไม่หยุดเคลื่อนไหวโจมตีสหรัฐในรูปแบบต่างๆ ซึ่่งถ้อยแถลงดังกล่าวดูเหมือนสหรัฐอเมริกาต้องการพยายามปลดชนวนวิกฤติที่มีต้นตอจากปฏิบัติการเถื่อนในการลอบสังหารนายพลกอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ของอิหร่านอย่างเหี้ยมโหด

 

 

          การเปลี่ยนท่าทีอันแข็งกร้าวของอเมริกาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะบทเรียนจากการกระทำที่อุกอาจของทรัมป์และสหรัฐอเมริกาในการส่งขีปนาวุธไปถล่มนายพลกอซิมถึงกลางกรุงแบกแดดเมื่อหลายวันก่อนส่งผลให้ประธานธิปดีไบโพลาร์ และสหรัฐตกที่นั่งลำบากในทันที เพราะทั่วทุกมุมโลกต่างรุมประณามการกระทำดังของสหรัฐอย่างแสบสัน แม้แต่ชาติพันธุ์มิตรเพื่อนซี้เกลอเก่าทั่วยุโรปยังต้องเล่นบทเตมีย์ใบ้ไม่เออออห่อหมกตามพี่ใหญ่เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

 


          ท่าทีการ “รักสันติ” ของทรัมป์ในการปราศรัยที่ทำเนียบขาวเมื่อเช้าวันที่ 8 มกราคม จึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก เพราะหาก “สหรัฐ” ทำตัวเป็นคนบ้าพลังประกาศกรีธาทัพใช้กำลังทหารยิงถล่มอิหร่านให้ย่อยยับอับปางแบบตาต่อตาฟันต่อฟันเชื่อว่าผลร้ายที่ตามมาคงจะแผ่กระจายไปทั่วเมื่อโลกต้องเผชิญภาวะสงครามขนาดย่อม คนทั้งโลกที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องได้รับความเดือดร้อนจากผลพวงการสู้รบห้ำหั่น ข้าวจะยากหมากจะแพง เศรษฐกิจโลกจะวินาศสันตะโรขนาดไหนคงไม่ต้องพูดถึง และที่สำคัญใครจะกล้ารับประกันว่าสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจะไม่บานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อต่างฝ่ายต่างมีพี่ใหญ่ พี่เบิ้ม น้องเล็กคอยหนุนหลังยั้วเยี้ยเต็มไปหมด




          ดังนั้นการที่อเมริกายอมบินถอยหลังไปสักสองสามก้าวเพื่อลดแรงเสียดทานจากปัญหาทุกเรื่องๆ ที่คาดว่าจะตามมาอย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ “เจ๋งสุดๆ แล้ว” ณ เวลานี้ ซึ่งถือเป็นความชาญฉลาดของทีมงานในทำเนียบขาวหลังจากดีดลูกคิดคำนวณอย่างถ้วนถี่จนตกผลึกออกมาว่า “สหรัฐ” ไม่ควรเข้าสู่ภาวะสงครามในสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเพลี่ยงพล้ำถูกโลกทิ้งไว้กลางทางปล่อยให้ยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางความเกลียดชังจากคนทุกมุมโลกแบบไม่ต้องการฟังข้ออ้างแห่งความชอบธรรมใดๆ


          ถึงวันนี้แม้การเผชิญหน้าระหว่างพญาอินทรีกับนักรบทะเลทรายจะมีท่าทีผ่อนคลายลงแต่ใช่ว่าโลกจะสงบสุขได้อย่างแท้จริง เพราะต้องยอมรับว่าความเคียดแค้นของชาวอิหร่านที่มีต่อสหรัฐยังเป็นอะไรที่ต้องจับตามอง ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้สำหรับนานาชาติทั่วโลกนั้นการวางตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดดูเหมือนจะเป็นทางออกที่เลิศสุด เนื่องจากวิกฤติร้ายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นการเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวยุ่มย่ามเพื่อหวังเอาใจชาติมหาอำนาจอาจส่งผลร้ายตามมาแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “อิหร่าน” เป็นชาติที่ถูกรังแกและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี และถ้าใครยังไม่เข้าใจก็ลองหลับตามโนว่า หากสหรัฐส่งขีปนาวุธมาถล่ม “ลุงตู่” กลางสนามบินสุวรรณภูมิ คนไทยจะรู้สึกอย่างไร...?

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ