คอลัมนิสต์

แล้งแล้วโว้ยยังพ่นน้ำลายกันอยู่ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แล้งแล้วโว้ยยังพ่นน้ำลายกันอยู่ได้ คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย... อสนีบาต  [email protected]

 


 


          เปิดศักราช 2563 มาได้ไม่กี่วัน สังคมโลกเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ฟากหนึ่งของแผนที่โลกสหรัฐส่งเครื่องบินโจมตีอิหร่านด้วยการสังหารผู้นำทางทหารอิหร่าน สร้างความโกรธแค้นให้ชาติตะวันออกกลางเป็นอย่างมาก

 

 

          ผู้นำชาติยักษ์ใหญ่อย่างจีน รัสเซีย ยังต้องส่ายหน้าต่อปฏิบัติการดังกล่าว รวมไปถึงประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเองไม่พอใจการกระทำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะจะเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามครั้งใหม่ เมื่อเกิดขึ้นใครเดือดร้อนล่ะ หนีไม่พ้นประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่าย


          เขยิบเข้ามาทางออสเตรเลีย ต้องประสบมหันตภัยไฟป่าลุกลามตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาถึงบัดนี้เผาผลาญพื้นที่ 2 รัฐไปแล้วกว่า 30 ล้านไร่ ถึงกับต้องอพยพประชากรออกจากพื้นที่ นักวิเคราะห์สถานการณ์ภัยธรรมชาติออกมาชี้ว่านี่เป็นไฟล้างธรณีทีเดียว ขณะที่ประเทศในอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เจอน้ำท่วมใหญ่รับปีใหม่ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 20 ราย


          หันกลับมาดูประเทศไทยกันบ้าง ไม่ได้เป็นประเทศที่มีอิทธิพลระดับโลก รู้จักวางตัวผูกมิตรมากกว่าสร้างศัตรู จึงไม่มีปัญหารบราฆ่าฟันกันระหว่างประเทศ อีกทั้งไม่ต้องเผชิญไฟป่าหรือน้ำท่วมอย่างรุนแรง


          ทว่ากำลังเผชิญภัยทางธรรมชาติที่มิอาจประมาทได้เลยนั่นคือสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งเริ่มส่งสัญญาณตั้งแต่ปีที่แล้วจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าภัยแล้งปีนี้จะรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกน้อยลง


          ระยะหลังมานี้รัฐมนตรีรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางน้ำจึงออกมาประชาสัมพันธ์ถี่ขึ้น มากกว่ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายแค้นเสียอีก ตรงนี้ไม่รู้ว่านักการเมืองพวกนั้นรู้สึกรู้สาอะไรบ้างกับสัญญาณแรงจากธรรมชาติที่กำลังเข้ามาเล่นงานประเทศไทย หรือเอาแต่ตะบี้ตะบันเล่นเกมการเมืองอยู่อย่างนี้


          เอาล่ะ! เพื่อให้เห็นสถานการณ์ในภาพรวม ขอนำข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่าปัจจุบันแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 49,789 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 61% เป็นปริมาณน้ำใช้การ 25,714 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 44% แบ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 20,738 ล้าน ลบ.ม.คิด เป็น 44%

 



          เขื่อนขนาดใหญ่ 14 แห่งที่มีปริมาณน้ำใช้การได้น้อยกว่า 30% ได้แก่ เขื่อนแม่กวง, เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแม่มอก, เขื่อนทับเสลา, เขื่อนกระเสียว, เขื่อนจุฬาภรณ์, เขื่อนอุบลรัตน์, เขื่อนลำพระเพลิง, เขื่อนลำแซะ, เขื่อนลำนางรอง, เขื่อนป่าสักฯ, เขื่อนคลองสียัด และเขื่อนหนองปลาไหล


          ขณะที่แหล่งน้ำขนาดกลาง 354 แห่ง จากทั้งหมด 660 แห่ง ที่มีระบบติดตามได้ พบว่าอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำน้อยจำนวน 91 แห่ง แบ่งเป็นภาคเหนือ 29 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 46 แห่ง ภาคกลาง 2 แห่ง ภาคตะวันออก 10 แห่ง ภาคตะวันตก 2 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง


          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งในเขต 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน เพชรบูรณ์ นครพนม มหาสารคาม บึงกาฬ หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา และอุทัยธานี ไปแล้วนะครับ


          ทั้งปริมาณน้ำน้อยลง ทั้งจำนวนจังหวัดประสบภัยทยอยเพิ่มขึ้น ถือว่าหนักหนาสาหัสเอาการ ถ้าไม่มีการเตรียมตัวป้องกัน ไม่มีการวางแผนจัดสรรน้ำกันแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะเอาไม่อยู่ ฉะนั้นตอนนี้ทุกหน่วยงานกำลังระดมสรรพกำลังกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้น้ำอย่างทั่วถึง


          กรมชลประทานจัดเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมเครื่องสูบน้ำ รถยนต์บรรทุกน้ำและเครื่องจักรกลอื่นๆ ตามสำนักงานชลประทานและพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งทั่วประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้งอย่างเพียงพอ กระนั่นสิ่งสำคัญสุดอยู่ที่พี่น้องประชาชนต้องตื่นตัว ตระหนักรู้ร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย


          …อสนีบาต…สื่อสารออกมา ด้วยหวังว่าจะไปถึงบรรดานักการเมืองที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน จะได้ออกมาช่วยกันรณรงค์เตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอีกแรง


          อาจเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ สำหรับคนพวกนี้ครับ แต่ขอเตือนกันไว้ถ้ามัวแต่นั่งห้องแอร์ แหกปากจ้องจะซักฟอกดิสเครดิตกันรายวัน ส่วนอีกด้านเอาแต่ปลุกม็อบทวงคืนประชาธิปไตยซ้ำซาก โดยไม่ได้หันกลับไปมองภัยทางธรรมชาติมาเยือนมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ชาติเข้าไปอีก
  

          เมื่อถึงวันขาดน้ำเมื่อไหร่ ก็ไม่มีน้ำลายไปท่วมสภาเมื่อนั้นล่ะครับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ