คอลัมนิสต์

บุคคลการเมืองแห่งปี 2562 ดาวดับ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บุคคลการเมืองแห่งปี 2562 ดาวดับ โดย... ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก

 

 

          การเมืองในห้วงปี 2562 เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ตั้งแต่มีการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. ทั้งพรรคการเมืองเกิดใหม่และนักการเมือง "ดาวรุ่ง" ขณะเดียวกันก็เกิดคดีหลากหลายทั้งให้พรรคกู้เงิน , ล้มล้างการปกครอง ฯลฯ จนพลิกจากดาวรุ่งกลายเป็น "ดาวดับ"

 

          ข้อมูลจาก วิกีพีเดีย ระบุว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ชื่อเล่น: เอก) เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2521 นักธุรกิจ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองชาวไทย อดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งต่อมากลายเป็นบริษัทผู้ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ 

 

 

          แต่ภายหลังตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเมื่อปี 2561 เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และต่อมาได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ผู้จดจัดตั้งพรรค ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนแรก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2561


          ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ติดอันดับดาวรุ่งแห่งปี 100 คน ประจำปี 2562 ในสาขาผู้นำ ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารไทม์ นี่คือตัวอย่างสั้นๆ ที่พอจะเห็นหน้าเห็นหลังในความเป็นไปของ ธนาธร ทั้งในทางธุรกิจและในทางการเมือง


          “ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก” จึงจะขอขยายภาพความเป็น ธนาธร ให้กว้างขึ้นว่า ทำไม “ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก” จึงยกให้ ธนาธร เป็นบุคคลการเมืองแห่งปี ที่เป็น “ดาวดับ” แม้ดูจะย้อนแย้งกันแต่ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น


          เส้นทางการเมืองของ ธนาธร ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เหมือนการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน จนต่อมาได้ฉายาว่า “ไพร่หมื่นล้าน”


          ความรวยเป็นหมื่นล้าน ไม่อาจทำให้ "ฝัน” ของธนาธร เป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะบริบทการเมืองไทยกับความฝันในโลกอันแสนสวยราวกับเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ มันตรงกันข้ามกัน


          ระยะเวลาการตั้งพรรคอนาคตใหม่ จนถึงวันนี้ ธนาธร และพรรคมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางล้มเหลว อันเนื่องมาจากความสำเร็จเพียงช่วงสั้นประเดี๋ยวประด๋าว และเมื่อความจริงต่างๆปรากฏ ความล้มเหลวจึงตามมา




          ความฝันของธนาธร เป็นฝันของการเมืองแบบยูโธเปีย หรือแบบอิลลูมินาติ สมาคมลับอะไรที่ว่านั้น ไม่อาจเป็นจริงในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


          ความสำเร็จของธนาธร คือ ได้ตั้งพรรคการเมือง ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส.และมี ส.ส. 81 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมกับคะแนน 6 ล้านเศษทั่วประเทศ พรรคใหม่อายุไม่ถึงขวบปี แต่เอาชนะพรรคเก่าอย่างประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย มาได้เช่นนี้ ย่อมต้องมองว่าความสำเร็จมาเร็วเกินคาด


          เนื่องจากก่อนการเลือกตั้ง บรรดาผู้สันทัดทางการเมือง ให้อนาคตใหม่แค่ 10 ไม่เกิน 20 เก้าอี้เท่านั้น โดยยึดสมมุติฐานจาก ส.ส.เขตเป็นหลัก


          แนวคิดของนักวิเคราะห์การเมือง ยังเอา ส.ส.หรืออดีต ส.ส.เป็นตัวตั้ง หากพรรคการเมืองไหนมีอดีต ส.ส.ลงสมัครมาก โอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งก็มีสูง ด้วยเหตุนี้การที่พรรคอนาคตใหม่มีแต่ผู้สมัครหน้าใหม่หรือโนเนม การให้ค่ากับเก้าอี้ ส.ส.จึงน้อยกว่าที่คาด


          แต่ก็ผิดคาด เพราะปัจจัยหลายอย่าง ปัจจัยแรกคือการยุบพรรคไทยรักษาชาติ อย่างปัจจุบันทันด่วน ก่อนการเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน ทำให้บรรดาผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนที่สนับสนุนไทยรักษาชาติ เกิดอาการเคว้ง หาที่ลง


          ประการที่สอง แนวทางของอนาคตใหม่ คล้ายจะทับซ้อนกับแนวทางของเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ฉะนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนหนึ่งที่เป็นแนวร่วมเพื่อไทยและคนเสื้อแดง จึงหันมาทางอนาคตใหม่


          ประกอบกับความไม่ชัดเจนของทักษิณ ชินวัตร ว่าจะกดปุ่มอย่างไรให้แก่พรรคเพื่อไทย จังหวะนี้คนที่สับสนจึงเทไปทางอนาคตใหม่ 


          “ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก” มองว่า คะแนนที่มาจากฐานคะแนนจัดตั้งแบบออฟไลน์คือฐานเสียง และหัวคะแนน กระจัดกระจายอยู่ในกลุ่มพรรคการเมืองที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาล คสช. และคว่ำบาตรเผด็จการ


          แต่นักวิเคราะห์การเมืองลืมคิดไปว่า ยังมีคนจำนวนมากที่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ที่เรียกว่าฐานคะแนนออนไลน์ ที่ขลุกอยู่กับมือถือ แท็บเล็ตและหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะกลายเป็น "คะแนนหลัก” ที่ทำให้ อนาคตใหม่ ได้รับเลือก ส.ส.แบบถล่มทลาย


          จนกระทั่งมีการเปิดเผยว่า อนาคตใหม่ มีการจัดการระบบฐานคะแนน "ออนไลน์” อย่างเป็นรูปธรรม คล้ายๆ กับวิธีการของพรรคการเมืองใหญ่ในสหรัฐ ทั้งเดโมแครต และรีพับลิกัน ที่มีการซื้อข้อมูลจากบริษัทที่จัดเก็บข้อมูลประชากรโซเชียล


          พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ได้นึกคิดว่า การใช้สื่อออนไลน์หรือสื่อโซเชียล จะมีผลต่อคะแนนเสียง ยังเชื่อความคิดเดิมๆว่าการเมืองแบบออฟไลน์คือการปราศรัย แจกเงิน ซื้อเสียง จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง


          แต่อนาคตใหม่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อถึงตัวบรรดานักท่องโลกออนไลน์ทั้งหลายได้อย่างเงียบเชียบ ถึงขนาดล้างสมองให้หลงใหลและคลั่งไคล้ในตัว ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ได้ แบบโงหัวไม่ขึ้น


          นั่นคือความสำเร็จที่ส่งให้ ธนาธรและผองเพื่อนได้เข้าสภา


          ชีวิตการเมืองของ ธนาธร เปิดฉากเร็วมาก เขาทะลุขึ้นไปชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ได้ในขณะที่เป็น ส.ส.สมัยแรก


          แม้ว่าจำนวนเสียงในสภาของฝ่ายค้านจะน้อยกว่า แต่ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดทางการเมือง จากนักธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ และนักกิจกรรมที่ทำกับมิตรสหายในรั้วมหาวิทยาลัย 


          ธนาธร ได้เรียนรู้รสชาติการเมืองที่แท้จริงที่มีบริบทและปัจจัยแวดล้อมมากกว่าการเมืองในรั้วมหาวิทยาลัย มากกว่าการเมืองข้างถนน และมากกว่าการเมืองในตำรา เพราะนอกจากธนาธรจะเดินไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้คือการเปลี่ยนแปลงประเทศ การสร้างความเท่าเทียม และประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนที่แท้จริง แต่ธนาธรก็จะต้องถูกองค์กรทางการเมือง บุคคลทางการเมือง ทั้งในและนอกสภาคอยตรวจสอบอย่างเข้มข้นไม่แพ้กัน


          ในขณะที่ธนาธรกำลังเดินทาง กำลังปลุกผู้คนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ธนาธรก็สะดุดขาตัวเองล้มลงหลายครั้ง “ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก” ขอย้ำว่า ธนาธรสะดุดขาตัวเอง ไม่มีใครไปขัดขาหรือผลักให้ ธนาธรล้ม หรือไม่มีใครคอยดึงหรือเหนี่ยวรั้งไม่ให้ธนาธรเดินไปสู่จุดหมายของการเปลี่ยนแปลงประเทศตามเจตนาของเขา


          แต่เขาล้มลงเพราะตัวเขาเอง 


          เริ่มจากคดีหุ้นสื่อ วี-ลัค มีเดีย เป็นบริษัทที่ทำกิจการสื่อ ที่ ธนาธรจะต้องขายหุ้นหรือไม่เกี่ยวข้อง เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีข้อห้ามเอาไว้ ก่อนที่ธนาธรจะตั้งพรรค ก่อนที่ธนาธรจะสมัคร ส.ส.


          เมื่อ ธนาธรไม่ได้แก้ปัญหาและไม่ได้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ธนาธรจึงถูกตัดสิทธิ์ ส.ส.หลังได้รับการรับรองจากกกต.เพียงไม่กี่วัน นับว่าเป็น ส.ส.ที่อายุสั้นที่สุดก็ว่าได้


          นอกจากนี้ ธนาธรยังถูกแจ้งความในคดีอาญาอีกหลายคดี เป็นคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแทบทั้งสิ้น ล่าสุดคือคดีปลุก “แฟลชม็อบ”


          ถึงกระนั้น ธนาธร ยังประกาศปลุกใจและให้กำลังใจตนเองในการต่อสู้ แม้ธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ยังคงสถานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะอนาคตใหม่คือการเดินทาง อนาคตใหม่คือผู้คน ขอให้ทำตามอุดมการณ์ให้สำเร็จ


          ธนาธรไม่มีความเป็น ส.ส.แล้ว ต่อไปพรรคอนาคตใหม่ ยังจะไม่มีอนาคต เพราะว่า กกต.ได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่


          นี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็น “นิติสงคราม” หรือมีใครไปใช้กฎหมายเพื่อเล่นงานธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นเพราะธนาธรไปให้พรรคกู้เงิน 191 ล้านบาท ที่กฎหมายพรรคการเมือง ”เขียน” ห้ามเอาไว้ 


          หมายความว่า อนาคตใหม่และธนาธรไปทำในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ทำได้ ที่สำคัญที่มาของคดีนี้ล้วนมาจากปาก ธนาธร แทบทั้งสิ้น


          ล่าสุดคดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว แต่ยังมีคดี “อิลลูมินาติ” คดีที่ถูกร้องว่า ธนาธร ปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่ มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน 


          คดีนี้ลุ้นระทึกเพราะศาลฯ นัดวินิจฉัย 21 มกราคม 2563 


          น่าแปลกตรงที่ทุกคดี ทั้ง ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โดน” แน่ๆ จนไปๆ มาๆ ปิยบุตร เลขาธิการพรรค ตอกย้ำว่านี่คือ “นิติสงคราม” การใช้กฎหมาย องค์กรทางกฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายล้างกันทางการเมือง


          ไม่เคยเลยที่จะพูดความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของ ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่เอง


          หรือแม้แต่ทุกครั้งที่ ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่พาคนลงถนน ก็คือการกระทำที่ผิดกฎหมาย แล้วไปโทษว่านี่คือ “นิติสงคราม” ได้อย่างไร 


          เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาเรื่องล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน มันอาจไม่ใช่ “อิลลูมินาติ” แต่อาจเป็น ”จิตสำนึก” ของธนาธร และอนาคตใหม่ ที่ใครต่อใครยังมองไม่เห็นก็เป็นได้


          เหล่านี้คือสีสันและความฉูดฉาดที่เกิดจากธนาธร ที่ทำให้การเมืองไทยเกิดความคึกคัก มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างเกิดขึ้นทั้งในทางบวกและทางลบ แต่จะมากไปในทางลบ


          ธนาธร เหมือนผีพุ่งไต้ เหมือนดาวที่ส่งประกายบนท้องฟ้าแล้วร่วงดับลงมาอย่างเร็ว “ทีมข่าวการเมืองคมชัดลึก” จึงยกให้เขาเป็น บุคคลการเมืองแห่งปี 2562 


          เพราะเราไม่แน่ใจว่า ในปี 2563 บนถนนการเมืองไทย จะยังมี ธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ คอยสร้างสีสันอยู่อีกหรือไม่ เพราะมีคดีอาญาและคดีการเมืองยาวเป็นหางว่าว... คดีอาญาติดคุก คดีการเมืองยุบพรรค

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ