คอลัมนิสต์

 ปีแห่งการไร้อนาคต(ใหม่)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 ปีแห่งการไร้อนาคต(ใหม่) คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย...  อสนีบาต [email protected]

 

 


          พุทธศักราช 2562 กำลังขยับผ่านพ้นเตรียมก้าวสู่พุทธศักราช 2563 ในอีกไม่ช้านี้นะครับ หลายต่อหลายท่านเดินทางกลับภูมิลำเนาได้พบพ่อเฒ่าแม่แก่ ร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

 

 

          ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ กรุณาตรวจเช็กอุปกรณ์เครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พึงระลึกเสมอ “เมาไม่ขับ จะหลับก็พัก" เพื่อผู้ร่วมเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว ผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพปลอดภัย


          รอบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายผ่านเข้ามากระทบชีวิต ได้ยินแต่ข่าวร้าย เศรษฐกิจไม่ดีบ้าง โรงงานปิดตัว ผลประกอบการไม่ได้ตามเป้าหนักเข้าถึงขาดทุน เงินในกระเป๋าไม่พอใช้ ทุกวิชาชีพดูจะเต็มไปด้วยอุปสรรคขัดสน


          ตรงนี้ต้องเตือนตนพร้อมรับมือตลอดเวลา โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว เทคโนโลยีสมัยใหม่มาแทนที่มนุษย์ จึงต้องปรับตัวเรียนรู้ให้ทัน อย่างไรก็ตาม อย่าจมอยู่กองทุกข์เป็นเวลานาน เดี๋ยวขึ้นวันใหม่แล้ว ระลึกเสมอว่าในเมื่อยังมีลมหายใจต้องลุกขึ้นสู้ ยืนหยัดก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็งนะครับ


          สิ่งสำคัญคือ การใช้ชีวิตพอเพียง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ประกอบสัมมาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริตย่อมนำพาชีวิตให้อยู่รอดไปได้ ต้องเป็นกำลังใจให้กันและกัน


          ภาวะการเจริญโตทางเศรษฐกิจจะกระเตื้องหรือไม่ ขึ้นอยู่ปัจจัยทางการเมืองเช่นกัน


          ในรอบปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า สถานการณ์ทางการเมืองเพิ่งเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน จากคณะทหารภายใต้ชื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการลงมติของพี่น้องประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศทำให้มีการกำหนดกติกาเลือกตั้ง


          การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา จึงได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีวุฒิสภา และมีฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย โดยผู้เข้ามาเล่นตามกติกา ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ก็มีทั้งนักการเมืองรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แถมประเดิมใช้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย เสียด้วย ก็ดูจะมีอะไรต่อมิอะไรใหม่ไปซะทั้งหมด

 




          โดยเฉพาะการมีพรรคการเมืองใหม่ อย่างเช่น พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ภายใต้การนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ได้รับเลือก ส.ส.เข้าสภาถึง 80 คน และเป็น ส.ส.ใหม่ถอดด้ามเสียเป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ เช่น พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทย ที่มีคนหน้าเดิมๆ ขยับขยายย้ายพรรคกันไป บางรายาจากพรรคเพื่อไทยย้ายมาพรรคฝั่งรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ


          แม้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมาได้แค่ห้าเดือน มีผลงานเป็นที่สัมผัสได้ แต่มิวายถูกฝ่ายตรงข้ามจ้องโจมตีไร้ผลงานบ้างล่ะ ผู้นำไม่ประสีประสาบ้างล่ะ แต่สิ่งที่ประจักษ์ชัดคือ การประคับประคองบ้านเมืองให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นข้อเปรียบเทียบได้ชัดในช่วงรัฐบาล คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 แต่รัฐบาลปัจจุบันไม่มีมาตรา 44 แต่ก็อาศัยกฎหมายปกติ ในการดูแลความสงบเรียบร้อยผ่านพ้นไปได้


          แต่ถ้าตราบใด บ้านเมืองวนเวียนกลับมาสู่ความไม่สงบเรียบร้อย เมื่อนั้น ย่อมซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้า ยิ่งชะลอตัวลงไปอีก นี่อย่าลืมว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาอยู่เลยนะครับ ซึ่งตามปฏิทินถ้าไม่มีความปรวนแปรวุ่นวายก็น่าจะผ่านมาบังคับใช้ในปีหน้า


          ทำให้คาดการณ์ไปถึงปี 63 สถานการณ์ทางการเมืองจะอยู่ในสภาพที่รัฐบาลควบคุมให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยเหมือนช่วงที่เข้ามาบริหารใหม่ๆ ได้หรือไม่


          แรงยั่ว ก็ล้วนเกิดจากฝ่ายที่พลาดพลั้งต่อกฎกติกา และโดนกระบวนการยุติธรรมลงโทษ แต่กลับไม่ยอมรับ จึงปลุกระดมผู้คนให้มาเล่นเกมนอกสภา การปลุกระดมดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตามลำดับผ่านนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ควรจะเป็นความหวังของประเทศชาติตามที่ตนเองปราศรัยไว้ แต่เอาเข้าจริงกลับเลือกเล่นข้างถนนซะงั้น


          น่าเสียดายความเป็นคนรุ่นใหม่ เลือกที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย กลับสร้างความฉ้อฉลต่อการเข้าสู่ตำแหน่งด้วยการถือครองหุ้นสื่อ ขัดต่อคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ครั้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ต้องพ้นจากความเป็นส.ส.


          มิพักยังหาญกล้าโยกย้ายถ่ายเทเงินให้พรรคกู้ ยิ่งสร้างความชีช้ำทำลายพรรคตนเองเข้าไปอีก เมื่อเรื่องทั้งหมดถูกตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลรธน.รอวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองหรือไม่


          ความผิดซ้ำซากเพราะทำตนเองแท้ๆ โดยมีมือกฎหมายระดับอภิมหาศรีธนญชัยเรียกพี่ชี้ทางออกพิสดารให้จึงพาพรรคก้าวสู่หุบเหวลึก แทนที่ยอมรับความผิดเร่งหาทางแก้ไขปัญหาภายใน แต่กลับออกมาปลุกระดมผ่านสื่อโซเชียล หวังให้คนรุ่นใหม่หลงเชื่อเป็นแนวร่วมสร้างความวุ่นวาย


          พฤติกรรมที่แสดงออกมารังแต่จะนำพาคณะหมดอนาคตทางการเมืองไปเรื่อยๆ นี่หรือคือความหวังประชาชนตามที่เคยประกาศไว้ “ฟังไปฟังมาช่างน่าคลื่นไส้ส่งท้ายปีจริงๆ”


          

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ