รายงานพิเศษจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก 21-22 ธ.ค.62
**************************
ต่อให้ใจชื้นว่าที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัว “สมคิด พุ่มพวง” ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความตะหนกตกใจของคนไทยกับข่าวนี้ไม่ได้อยู่ที่กลิ่นคาวเลือดในร่องรอยสังหาร
แต่เป็นเรื่องของการ “กลับมาก่อเหตุหลังพ้นโทษ” จนทำให้คนไทยตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้งว่ามันใช่แล้วหรือ?
และเรื่องนี้ต่อให้พูดซ้ำกี่ทีดูเหมือนว่าคนไทยไม่เคยได้รับคำตอบที่ถูกใจเท่าไหร่ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
สมคิด (แค่) ติดคุก
มุมแรก มั่นใจว่ามีคนไทยเกินล้านคนที่เชื่อว่า “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ นอนคุกยาวไปแล้วตั้งแต่ปี 2548 ที่ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี (5 ศพ) และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ก่อนย้ายกลับภูมิลำเนาไปอยู่ที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย
แม้ว่านาทีนั้นคนไทยต้องการให้เป็นโทษประหาร ตายตกไปตามกัน แต่ลึกๆ ในใจเราต่างรู้ว่าโทษนี้ไม่มีอยู่จริงอีกแล้ว เพราะมีข้อมูลว่านักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการใช้อาวุธปืนคือเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2545
ต่อมาหลังแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนมาเป็นการฉีดสารพิษ กรมราชทัณฑ์ได้บังคับโทษประหารชีวิตด้วยวิธีการนี้มาแล้ว 6 คน ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2546 ส่วนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552
ระหว่างนั้นไทยก็ไม่มีประประหารนักโทษเลยจนกระทั่งในปี 2561 หรือผ่านมา 9 ปี ไทยถูกประณามจากแอมเนสตี้ที่ประหารชีวิตชายอายุ 26 ปีในคดีปล้นฆ่า (ก่อเหตุในปี 2555) ซึ่งนับเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกในประเทศนับแต่เดือนสิงหาคม 2552
ถามว่าเหตุใดจึงทิ้งช่วงไป 9 ปี ส่วนหนึ่งเพราะไทยได้เข้าร่วมกับแอมเนสตี้ในพันธกิจที่จะเดินหน้าไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตและการปกป้องสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ของประชาชน
ส่วนถามว่าเหตุใดจึงตัดสินใจประหารนักโทษเด็ดขาดวัย 26 รายนี้ ก็เพราะเป็นนักโทษที่ก่อเหตุอุกฉกรรจ์และมีประวัติมาแล้วอย่างโชกโชน คดีนี้คือการฆ่าชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์นักเรียนชาย ม.5 รวมทั้งใช้มีดแทงผู้ตายรวม 24 แผล เป็นเหตุให้เหยื่อถึงแก่ความตาย
ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กหนุ่มชาว จ.ตรัง ก่อเหตุ 1 ศพ ถูกประหารแดดิ้นไปแล้ว ส่วนลุงชาวตรังอีกคนอย่าง สมคิด พุ่มพวง ผลงาน 5 ศพ ติดคุกจริง 14 ปี ได้ออกมาก่อเหตุอีก 1 ศพเมื่อเร็วๆ นี้เอง
คำถามนี้ใครต้องตอบ!
สมคิดจิตเสื่อม?
อีกหนึ่งปมแกะยาก คือสภาพจิตของ “คิด เดอะ ริปเปอร์” ที่สื่อมอบฉายาให้เกือบเท่! เพราะรูปแบบการก่อเหตุคือฆาตกรรมต่อเนื่องแบบ “แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์” ฆาตกรต่อเนื่องชาวอังกฤษที่โด่งดัง จนมีการนำมาสร้างเป็นหนังซีรีส์มากมาย
แต่คนไทยเชื่อว่าสมคิดผู้ที่อยู่ในข่าวระบุว่าเรียนจบ ป.2 จากนั้นก็ออกจากโรงเรียนมาใช้ชีวิตแบบคนนอกคอก ไม่น่าจะรู้จักแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ หากแต่ทั้งหมดมาจากตัวตนภายในที่ไม่ปกติล้วนๆ
ข้อมูลข่าวจากเนชั่นทีวี น่าสนใจมากเพราะระบุถึงตำรวจนายหนึ่งที่เคยเป็นพนักงานสอบสวนช่วงที่สมคิดก่อเหตุเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และมีโอกาสได้ซักถามถึงแรงจูงใจในการฆ่า
สมคิดตอบกลับมาด้วยสีหน้าอมยิ้มว่า “เวลาผู้หญิงจะขาดใจ ช่องคลอดจะรัดตัวแน่นมากๆ ทำให้ถึงจุดสุดยอด” ซึ่งไปสอดคล้องกับที่อาการทางจิตที่เรียกว่า “โรคกามวิปริต” หรือ Paraphilia ซึ่งเป็นความตื่นตัวทางเพศระดับสูงต่อวัตถุ สถานการณ์ หรือบุคคลที่ไม่ใช่ลักษณะทั่วไป
แต่มุมนี้ไม่น่าตกใจเท่ากับว่าคนไทยได้รับรู้เอาตอนนี้เองว่าที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดทำแบบประเมินสุขภาพทางจิตของสมคิดเลย แถมทางกรมราชทัณฑ์เองก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการประเมินความผิดปกติทางจิตของสมคิด ซึ่งการประเมินความผิดปกตินี้จะช่วยถอดรูปแบบชุดความคิดและอาการของผู้ก่อเหตุได้
เทียบเคสดังในต่างแดนมือสังหาร “จอห์น เลนนอน” แห่ง “เดอะ บีเทิลส์” ศพเดียวของ มาร์ค เดวิด แชปแมน เจ้าตัวถูกตัดสินจำคุก 20 ปีถึงตลอดชีวิต โดยมีเงื่อนไขว่าจะ “ต้องเข้ารับการรักษาสุขภาพทางจิต”
ตอนนี้เขายังคงเป็นคุณลุงวัย 64 ปีที่ยังหายใจอยู่ในคุก ไม่ว่าจะพยายามยื่นคำร้องขอทัณฑ์บนที่มีขึ้นทุกๆ 2 ปียังไงก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ปี 2561 ความพยายามครั้งที่ 10 ของเขายังคงถูกปฏิเสธ
วันนี้ถึงกลับไปตรวจสภาพจิตของสมคิด พุ่มพวง มันจะคุ้มค่าขนาดไหน ไม่ต้องถามผู้ใหญ่ เพราะครอบครัวและญาติของเหยื่อ 6 ศพมีคำตอบให้คุณ
สมคิดฟอร์มดี
จากข้างต้นผู้รู้บางคนตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการการตรวจสภาวะทางจิตเวชมีราคาสูงจึงอาจทำให้กระบวนการยุติธรรมมิได้ดำเนินการดังกล่าวกับสมคิด แอบน่ากลัวว่าจะมีนักโทษอีกหลายรายที่ไม่เคยได้รับการตรวจ
แต่เมื่อค้นข้อมูลพบว่าช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง กรมราชทัณฑ์เพิ่งมีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด หัวเรื่องคือ กำชับแนวทางการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวชผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ พร้อมขอทางเรือนจำ/ทัณฑสถานส่งการบ้านเป็นแบบรายงานการตรวจสภาวะทางจิตของผู้ต้องขังดังกล่าวกลับมาทุกเดือนที่ศูนย์สุขภาพจิต กองบริการทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี
และเมื่อค้นข้อมูลต่อไปก็พบว่าตั้งแต่ปี 2540 กรมราชทัณฑ์โดยกองบริการทางการแพทย์ ได้ริเริ่มกำหนดนโยบายและการจัดบริการด้านสุขภาพจิตผู้ต้องขังเพื่อให้ผู้ต้องขังได้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำอย่างมีความสุขมาก่อนแล้ว
ตอนนั้นนอกจากกำหนดโยบายและจัดทำแผนงานการให้บริการด้านสุขภาพจิตแก่ผู้ต้องขังและยังมีการกำหนดรูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิต โดยให้เจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นผู้ดำเนินกิจกรรม เช่น การให้คำแนะนำแก่ผู้ต้องขังแรกรับ จัดตั้งคลินิกสุขภาพจิต จัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อคลายเครียด การเตรียมผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ การส่งต่อผู้ต้องขังป่วยโรคจิตไปรับการบำบัดรักษา ฯลฯ
ภาพจากมติชนออนไลน์
วันนี้ถามว่าทำไมสมคิด 6 ศพในวันนี้ถึงถูกระบุว่า “ไม่ได้” มีการประเมินความผิดปกติทางจิตของสมคิด คนไทยก็อย่าเพิ่งด่วนยกกำปั้นขึ้นมา เพราะภาพที่โลกโซเชียลพากันแห่แชร์สมคิดในลุคกุ๊กมือโปรกำลังทำเปาะเปี๊ยะทอด เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 สมคิดน่าจะเข้าข่ายนักโทษชั้นดีไปแล้ว
หลายคนบอก สงสัยเพราะเจ้าตัวกำลังทำเรื่องย้ายเรือนจำบางขวางไปหนองคายเลยต้องทำฟอร์มดีสักนิด ซึ่งที่สุดก็สำเร็จ จนมาล่าสุดคนไทยเพิ่งรู้ว่าเขาไม่เคยมีภูมิลำเนาที่หนองคายตามเหตุผลที่ร้องขอเลย
หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งช่องว่างที่คงไม่ได้รับการตรวจสอบเชิงลึก?
สมคิดติดยาว
ลูกบ้าเที่ยวนี้คนไทยฟันธงว่าสมคิดน่าจะติดคุกยาวไปไม่ได้ออกจริงๆ เพราะกระแสสังคมแรงยิ่งกว่าโทษทัณฑ์ใดๆ ในกระดาษ ไม่เชื่อไปถามสมคิดได้ว่าทำไมเครียดจนป่วย ไม่กล้าออกมาทำแผน
และในส่วนของกรมราชทัณฑ์เอง พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่ออกมาขอโทษสังคม แต่ก็แจงมาว่าการพ้นโทษตามกำหนดไม่ได้มีกลไกในการติดตามตัว ทำได้เพียงประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมในกรณีพิเศษ เช่นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง หรือมือปืนรับจ้างเท่านั้น
จะว่าไปก็คล้ายๆ เคสต่างแดนที่เกิดขึ้นกับมือลอบยิงผู้นำสหรัฐตอนนั้นอย่าง โรนัลด์ เรแกน โดย จอห์น ฮิงคลีย์ จูเนียร์ จัดหนักผู้นำไปรวม 6 นัดพร้อมผู้ติดตาม คมกระสุนผ่าปอดท่านผู้นำทะลุ แต่ก็รอดชีวิตมาได้ในที่สุด
การสืบสวนเจ้าตัวสารภาพว่าทำไปเพราะชอบนักแสดงหญิง โจดี ฟอสเตอร์ จากบทบาทในภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องกล่าวถึงพระเอกที่พยายามลอบสังหารผู้นำ เลยอยากทำแบบพระเอกเพื่อเอาใจดาราสาว
แน่นอนศาลลงความเห็นว่าเป็นผู้มีสติไม่สมประกอบ ตัดสินให้กักบริเวณและรักษาสภาพจิตโดยไม่มีกำหนดในโรงพยาบาลจิตเวชเซนต์ เอลิซาเบธ วอชิงตัน ดีซี ตั้งแต่ปี 2525
ปี 2559 เขาก็เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาล และแม้ว่าจิตแพทย์วินิจฉัยคอนเฟิร์มว่าหายแล้ว แต่เขาก็ยังต้องถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานภาครัฐ ถูกจำกัดการเดินทาง รวมถึงต้องพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
แน่นอนเคสนี้คือ “กรณีพิเศษ” คนไทยฟังแล้วคงปลง เพราะ “คิด 5 ศพ” ก่อนออกจากคุกคงไม่เข้าข่าย แถมเหยื่อก็คือชาวบ้านอย่างเราๆ ครั้นจะเดินตามรอยความยุติธรรมแบบต่างแดนที่ยกตัวอย่างมา ก็คงโลกสวยเกินไป
แต่เรื่องร้ายหลังพ้นคุกของสมคิด คนไทยกลับมาคาดหวังอีกครั้งว่าเรื่องนี้ต้องกลายเป็นกรณีพิเศษ เช่นเดียวกับนักโทษรายอื่นที่รอการพ้นโทษ เพราะนี่หมายถึงชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่เดินถนนอยู่ข้างนอก
วันนี้ภาครัฐขานรับตรงนี้ แต่จะเรียก “วัวหายล้อมคอก” หรือไม่ ก็ยังดีกว่าไม่คิดทำ โดยเฉพาะบทลงโทษของผู้ที่รีเทิร์นเดอะดาร์คไซด์ “กลับมาก่อนเหตุซ้ำ” คนไทยขอว่าต้อง “แอดวานซ์” จัดหนักขึ้นไปอีก
****************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง