คอลัมนิสต์

ดันเรือดำน้ำลอต 2 ทร.เอวกิ่ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดันเรือดำน้ำลอต 2 ทร.เอวกิ่ว คอลัมน์...   ถอดรหัสลายพราง  โดย...  พลซุ่มยิง 

 

 


          เมื่อเร็วๆ นี้ ‘เพจโฆษกกองทัพเรือ’ ได้เผยแพร่คลิปความยาว 12 นาทีเศษ เพื่อสร้างความเข้าใจให้ความรู้ทางทหารและยุทธศาสตร์อีกครั้งก่อนที่สภาจะพิจารณา โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที ระยะที่สองจากจีน  ใน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 พร้อมยกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกที่ “เรือหลวงสมุย” ถูกจมด้วยเรือดำน้ำสหรัฐในอ่าวไทย  

 

อ่านข่าว...  ทร.ปล่อยคลิปเรือดำน้ำตอกย้ำความจำเป็นก่อนถกซื้อลำที่ 2

 

 

          ยังไม่รู้ว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที จากจีน ระยะที่ 2 จะออกมาทิศทางใด เพราะลำพังเพียงวงเงิน 4.7 หมื่นล้านบาท ที่ได้รับการจัดสรรงบตามประมาณปี 2563 ยังทำให้ ‘กองทัพเรือ’ ต้องรัดเข็มขัดกันจนเอวกิว ซึ่งไม่นับรวมถึงความเสี่ยงที่จะถูกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ปรับลดงบประมาณลงไปอีกเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ


          แผนเดิมของ ‘กองทัพเรือ’ ในการจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที จำนวน 3 ลำ แบบจีทูจี หลังผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในกรอบวงเงิน  3.6 หมื่นล้านบาท โดยได้ดำเนินการจัดซื้อลำแรกไปแล้วงบผูกพัน 7 ปี คือ 2560 -2566 และใช้เวลาต่อเรือ 6 ปี ส่วนลำที่สองและสามจะทยอยจัดซื้อให้แล้วเสร็จภายใน 11 ปี นั้นหมายความว่าไทยจะมีเรือดำน้ำครบ 3 ลำ ประมาณปี 2570 


          โดยปัจจุบัน ‘กองทัพเรือ’ ได้ทำข้อเสนอไปยังรัฐบาลขอจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที พร้อมกันทั้ง 2 ลำตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 2.25 หมื่นล้านบาท รวมทั้งงบก่อสร้างที่จอดเรืออีก 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2563-2569 ด้วยเหตุผลจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นค่าบริหารโครงการลงได้ เช่น ค่าส่งคนไปฝึก หรือควบคุมการสร้าง


          ในขณะเดียวกันสภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันส่งผลให้เรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที ที่เคยตั้งราคาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จำนวน 3 ลำ ราคา 3.6 หมื่นล้านบาท ขยับราคาสูงขึ้น แต่อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีทำให้จีนยังคงราคาเดิมเอาไว้ จึงนับเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘กองทัพเรือ’ พยายามจบโครงการนี้ให้เร็วที่สุด

 



          “โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเมื่อมาถึงระยะที่สองขณะนี้เป็นขั้นของการเสนอรัฐบาล ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเป็นลำที่ 2 ลำเดียว หรือลำที่ 2 และลำที่ 3 จะมาพร้อมกันก็ได้ เพราะเป็นการเสนอโครงการที่เหลืออยู่เนื่องจากโครงการมี 3 ลำ แต่กองทัพเรือได้มาแล้ว 1 ลำแล้ว ที่เหลือจะเป็นอย่างไรทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องพิจารณางบประมาณ แต่ถ้าได้ 2 ลำ ก็ประหยัดงบประมาณมากกว่า เพราะลดค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าบริหารโครงการลงไปได้” พล.ร.ท.ประชาชาติ  ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือระบุ


          ทั้งนี้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ก็เล็งเห็นว่า กองทัพเรืออาจประสบปัญหาเรื่องงบประมาณไม่พอจึงสั่งชะลอโครงการต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ลำที่ 2 จากเกาหลีใต้ 15,000 ล้าน ออกไปก่อนหน้านี้ หลังจากต่อลำแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วคือ “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช" ด้วยงบประมาณ 14,997 ล้านบาท  เพื่อเตรียมงบผูกพันจัดซื้อเรือดำน้ำลำระยะที่ 2  


          แต่คนใน ‘กองทัพเรือ’ วิเคราะห์กันว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที ระยะที่ 2 งบประมาณที่มีอยู่ไม่น่าจะเพียงพอ เพราะช่วงหลังกองทัพเรือมีโครงการที่ใช้งบผูกพันวงเงินสูง และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พล.ร.อ.ลือชัย เพิ่งจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก (Landing Platform Dock :LPD) จากจีน เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้แก่เรือดำน้ำลำแรกที่จะเดินทางมาถึงไทยปี 2566 วงเงินกว่า 6,100 ล้านบาท ผูกพัน 7 ปี โดยต้องเริ่มทยอยจ่ายเงินปี 2563 เช่นกัน


          สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ พล.ร.อ.ลือชัย ที่กล่าวแบ่งรับแบ่งสู้ว่าทุกอย่างยังดำเนินการตามแผนอยู่ แต่ต้องดูว่างบประมาณเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างสามารถยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ใช่อยากซื้อตามใจฉัน และต้องดูสถานการณ์รอบโลกว่าเป็นอย่างไร หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรับ โดยทุกอย่างมียุทธศาสตร์ของกองทัพเรือรองรับ แต่วันนี้งบประมาณเราน้อยมาก ซึ่งทุกคนอยากได้ของดี ส่วนหากปีนี้ไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อเรือดำน้ำได้จะเปลี่ยนแผนเป็นเรือฟริเกตหรือไม่นั้น ทุกอย่างอยู่ที่เงิน ของเราก็อยากได้ แต่ภาพรวมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง


          ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องขยับ การจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที ระยะที่ 2 ออกไป ก็มีความเป็นไปได้ว่า ‘กองทัพเรือ’ อาจจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก (Landing Platform Dock :LPD) จากจีนเพิ่มอีก 1 ลำ หรืออีกทางหนึ่งคือหันกลับไปซื้อ ‘เรือฟริเกต’ ตามแผนเดิมที่ต้องจัดหาให้ครบ 2 ลำ เพียงแต่จะเปลี่ยนจากเดิมที่เคยซื้อของเกาหลีใต้ที่เป็นเรือประเภทตั้งรับมาเป็นของรัสเซียที่อยู่ในประเภทสำหรับรบทดแทน 


          โดยสืบเนื่องจากการพบกันระหว่าง พล.ร.อ.ลือชัย กับ ผบ.ทร.รัสเซีย (Adm. Nikolai EVMENOV) เมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยทางรัสเซียได้เสนอขายแบบเรือฟริเกต Project 11356 ให้แก่กองทัพเรือไทย พร้อมสนับสนุนให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการต่อเรือร่วมกันอย่างเต็มที่


          ขณะนี้โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำชั้นหยวนคลาส เอส 26 ที จากจีน ระยะที่ 2 ที่ดำเนินการตามแผนพัฒนากองทัพ และอยู่ในแผนงบประมาณปี 2563 กำลังรอขั้นตอนการพิจารณาของสภาว่าจะมีความเห็นชอบหรือไม่


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ