คอลัมนิสต์

เป็นหนี้ต้องจ่าย... ทวงได้แต่อย่า เยอะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เป็นหนี้ต้องจ่าย... ทวงได้แต่อย่า เยอะ

 

 


          สัปดาห์ที่แล้วป้าวัย 56 ปี ถูกหนุ่มร่างกำยำบุกไปตบจนสลบคาโรงพยาบาล เพราะขาดส่งหนี้เงินกู้นอกระบบที่ไปหยิบยืมมาเมื่อ 4 ปีก่อน ภาพเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ทางสื่อทีวีและโซเชียลมีเดีย เห็นความโหดร้ายของคนลงมือที่ไร้ความปรานีแม้กระทั่งผู้หญิงรุ่นราวคราวแม่ 

 

อ่านข่าว...  เจ๊สายโหดทวงหนี้ได้แสบทรวง เจอแบบนี้หูแทบระเบิด

 

 

          คนในสังคมทนพฤติกรรมไม่ได้จึงพากันประณามสาปแช่งและเริ่มพูดกันถึงมาตรการป้องกันการ ทวงหนี้โหด ที่รัฐบาลยุค คสช. เคยปฏิบัติได้อย่างเข้มข้น และสามารถคุ้มครองลูกหนี้ได้ในระดับหนึ่ง  แต่พักหลังดูจะหย่อนยานลงไปเพราะกฎหมายไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

 

 

 

เป็นหนี้ต้องจ่าย... ทวงได้แต่อย่า เยอะ

 


          โดยเฉพาะกฎหมายทวงหนี้ที่ออกเป็น พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองลูกหนี้ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบหรือหนี้ถูกกฎหมายก็ตาม


          ฉะนั้นเพื่อให้กฎหมายไม่เสียเปล่าทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ทุกระบบจึงควรมาทำความเข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง อย่างน้อยในมุมของลูกหนี้จะช่วยให้ไม่ถูกคุกคามหรือเอาเปรียบมากจนเกินไป 


          ขณะที่เจ้าหนี้เองเมื่อถึงเวลาที่ต้องทวงถามหนี้จากลูกหนี้ผิดนัดชำระ หรือพวกเหนียวหนี้ จะได้รู้ขอบเขตว่าสามารถทวงหนี้อย่างไรที่ไม่ทำให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือผิดกฎหมาย เพราะล่าสุดประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงหนี้เรื่อง การนับจำนวนวันในการทวงถามหนี้ ตามพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งกำหนดว่าเจ้าหนี้สามารถตามทวงหนี้จากลูกหนี้ได้แค่ไหนบ้าง


          สำหรับประกาศฉบับนี้ใช้บังคับเฉพาะบุคคลตามมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 คือ “ผู้ทวงถามหนี้” หมายความว่า เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ให้สินเชื่อ ผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเป็นปกติธุระตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน และเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมีสิทธิรับชำระหนี้อันเกิดจากการกระทำที่เป็นทางการค้าปกติธุระของเจ้าหนี้ ไม่ว่าหนี้ดังกล่าวจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ดังกล่าว ผู้รับมอบอำนาจช่วงในการทวงถามหนี้ ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ และผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ด้วย 

 

 

 

เป็นหนี้ต้องจ่าย... ทวงได้แต่อย่า เยอะ

 


          ยกตัวอย่างง่ายๆ  เจ้าหนี้ตามกฎหมายนี้มี อาทิ ธนาคาร บริษัทบัตรเครดิต บริษัทเช่าซื้อ แม้แต่เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบก็ใช่ด้วย


          ส่วน “ลูกหนี้” หมายความว่า ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและให้ความหมายรวมถึงผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาด้วย


          *ทวงได้วันละครั้งอย่างถูกกาลเทศะ
          กฎหมายการทวงถามหนี้ยังได้ระบุสาระสำคัญของการทวงหนี้ว่าผู้ทวงถามหนี้ หรือเจ้าหนี้ ห้ามทวงถามหนี้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหนี้ แม้จะเป็นญาติ พี่ น้อง ก็ตาม และทวงถามได้เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-20.00 น. วันหยุดราชการ เวลา 08.00-18.00 น. 


          ที่สำคัญ ทวงได้ไม่เกินวันละ 1 ครั้ง ถ้ามากกว่านั้นมีความผิดทางปกครอง คณะกรรมการทวงหนี้สามารถสั่งให้หยุดได้ ถ้าไม่หยุดอาจโดนโทษปรับสูงสุด 1 แสนบาท 


          แต่ถ้าให้เพื่อนยืมแล้วไม่ยอมใช้คืน ไม่ถือว่าอยู่ในกฎหมายนี้เจ้าหนี้จะทวงวันละกี่ครั้งก็ได้


          สำหรับกรณีการทวงหนี้ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ หากมีการส่งข้อความไปหาลูกหนี้แล้วถูกเปิดอ่าน แม้ไม่มีการตอบรับก็ถือว่าลูกหนี้ได้รับทราบการทวงถามหนี้แล้ว 


          ส่วนการทวงถามหนี้ผ่านทางโทรศัพท์ หากลูกหนี้รับสายแล้วมีการพูดคุยกันในสาระสำคัญที่แสดงเจตนาในการทวงถามหนี้ก็ให้ถือว่าเป็นการทวงถามหนี้แล้ว 1 ครั้ง แต่หากลูกหนี้ไม่รับโทรศัพท์ หรือรับสายก่อนกดตัดสายจะถือว่ายังไม่ได้มีการติดตามทวงถามหนี้

 

 

เป็นหนี้ต้องจ่าย... ทวงได้แต่อย่า เยอะ

 

 


          นอกจากห้ามทวงหนี้เกินวันละ 1 ครั้งแล้ว ในมาตรา 11 ของกฎหมายฉบับนี้ ยังห้ามทวงหนี้ด้วยการ พูดจาดูหมิ่น ข่มขู่ คุกคาม ใช้ความรุนแรง  และ ห้ามประจาน ใครคิดลองดีควรรู้ไว้ก่อนว่ามีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อัตราโทษนี้ไม่รวมกับความผิดทางอาญาข้อหาทำร้ายร่างกาย และอื่นๆอีกถ้ามี


          อย่างไรก็ตามกฎหมายกำหนดเรื่องวิธีการทวงหนี้ แต่ไม่ได้บอกนะว่าเป็นหนี้แล้วไม่ต้องใช้ ดังนั้นเมื่อเป็นหนี้ก็ยังต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด แต่ถ้าดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้เรียกเก็บเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี หรือร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ตามที่กฎหมายกำหนดเพดานไว้สูงสุดแล้วละก็ ให้ถือว่าดอกเบี้ยที่คิดเกินนั้นเป็นโมฆะ แต่เงินต้นยังต้องชำระเต็มจำนวน 


          “ทวงหนี้โหด-ดอกบาน”คุกรออยู่
          กรณีของป้าแม่บ้านโรงพยาบาลรายนี้จากคำให้การต่อตำรวจพบว่าป้ากู้เงินนอกระบบมา 4 หมื่นบาท ตั้งแต่ปี 2557 โดยเจ้าหนี้ได้ยึดบัตรเอทีเอ็ม ไว้กดเงินสดหักหนี้เดือนละ 1 พันบาท นาน 4 ปีมาแล้ว 


          จนถึงปี 2561 เจ้าหนี้ตายไป ลูกชายของเจ้าหนี้คือ นายเบิร์ด จึงตามมาเก็บหนี้เงินกู้ต่อ แต่นายเบิร์ดตุกติก อ้างว่าเงินที่แม่ของเขาหักไปเดือนละ 1 พัน เป็นเวลา 4 ปี นั้นเป็นแค่ดอกเบี้ย แต่เงินที่จะเรียกเก็บต่อจากนี้คือเงินต้น 


          ป้าแม่บ้านกลัวว่านายเบิร์ดจะทำร้ายจึงยอมผ่อนเงินต้นต่อตามที่ถูกข่มขู่เดือนละ 1 พันบาท ผ่อนจ่ายไปแล้ว 8 เดือน กระทั่งล่าสุดเงินช็อต ชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงโอนไปให้แค่ 500 บาท ทำให้นายเบิร์ดไม่พอใจคิดว่าป้าจะเบี้ยวหนี้จึงตามมาทวงหนี้โหดด้วยการตบจนสลบคามือถึงโรงพยาบาล 


          จะเห็นว่าการกระทำของนายเบิร์ดนั้น เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.การทวงถามนี้แทบทุกข้อ และล่าสุดตำรวจ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตามจับตัวนายเบิร์ด หรือ นายพงศ์อนันท์ กิ่งคำ อายุ 27 ปี มาดำเนินคดีแล้วในข้อหา ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ


          อย่างไรก็ดีหากประชาชนที่ต้องการร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ไม่เป็นธรรม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1155 ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม โทร.0-2575-3344

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ