ข่าว

อาฟเตอร์ช็อก อนาคตใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อาฟเตอร์ช็อก อนาคตใหม่ คอลัมน์...  วงในวงนอก    โดย...  อสนีบาต   [email protected]

 

 

 

          เป็นที่ทราบโดยทั่วกันแล้วนะครับ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 7 ต่อ 2 ให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นสภาพความเป็น ส.ส. จากกรณีถือครองหุ้นสื่อขัดต่อคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

 

อ่านข่าว...   อนาคตชาวสีส้ม

                  เปิด 3 แนววินิจฉัยร้อน ธนาธร รอด-ไม่รอด 
 

 

 

          ความจริงกรณีนักการเมืองถือครองหุ้นสื่อแล้วตรวจพบว่าขัดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. โดยศาล รธน.วินิจฉัย ให้พ้นจากการเป็นผู้สมัครก็ไม่ใช่ครั้งแรก


          ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผลวินิจฉัยแถมเป็นกรณีผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เสียด้วย ซึ่งการอ่านคำวินิจฉัยครั้งนั้น ยอมรับโดยดุษณี


          แต่สำหรับ “ธนาธร" ภายหลังศาลรธน.อ่านคำวินิจฉัย เขาออกมาปฏิเสธโดยพลัน “ไม่ยอมรับคำตัดสิน”


          แน่ล่ะ ใครจะยอมรับง่ายๆ สำหรับคนระดับหัวขบวนทางการเมือง เป็นหัวจ่ายสำคัญของพรรค


          การป่าวประกาศยอมจำนนต่อคำวินิจฉัย ย่อมทำให้แฟนคลับเสียขวัญ เสียกำลังใจ (แต่ในส่วนของ ส.ส.ของพรรค หวั่นไหวไปแล้ว) ขนาด รังสิมันต์ โรม ส.ส.อนาคตใหม่ ยังบอกฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. มือไม้สั่นไปหมด


          นอกจาก "ไม่ยอมรับคำตัดสิน” ธนาธร ต้องพยายามกัดฟันแสดงให้เห็นความขึงขังจริงจังในการทำงานการเมืองต่อ ด้วยการบอกว่า จะเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญบ้างล่ะ อีกประการยังมีชื่ออยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ บ้างล่ะ แบบว่าแสดงความเห็นได้แต่ไม่มีสิทธิ์ยกมือโหวตอะไรทำนองนั้น


          คราวนี้กลับมาที่คำวินิจฉัยของศาล รธน. มีประเด็นน่าสนใจ ซึ่งศาล รธน.หักล้างข้อต่อสู้ของธนาธร แต่ละประเด็นโดยสรุปดังนี้
          - กกต.ยื่นคำร้องชอบด้วยกฎหมาย
          - บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ไม่ได้จดแจ้งยกเลิกการประกอบกิจการตามกฎหมายจดแจ้งการพิมพ์

          “หากยังมีสถานะเป็นบริษัทที่จดแจ้งว่าทำสื่อ แม้ปัจจุบันไม่ทำสื่อ ก็มีโอกาสทำได้ ก็ถือเป็นสื่อ”
          - แม้จะมีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562 แต่ไม่ได้มีการนำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) จึงทำให้ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่
          - ธนาธรกลับมาจากบุรีรัมย์มาถึงกรุงเทพฯ จริง แต่ไม่เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่ามีการโอนหุ้น
          - ถึงจะได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1141 แต่การโอนหุ้นมีหลักฐานที่เป็นพิรุธที่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานได้

 

 




          ด้วยคำวินิจฉัย น่าจะเกิดแรงสั่นสะเทือนตามมาอีก นี่ล่าสุดอาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ความเห็นไว้ จะมีกรณีความต่อเนื่องในเรื่องนี้ นั่นคือ คดีอาญาที่ กกต.ต้องดำเนินการต่อ ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ส.ส. สำหรับผู้ที่รู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังสมัคร


          คำวินิจฉัยนี้จะส่งผลให้มีการดำเนินคดีอาญาในมาตรา 151 นี้ โดยได้กำหนดโทษไว้ว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี โดย กกต.ต้องเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป


          ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนสืบสวน ของ กกต.


          อีกประเด็นมาจากท่อนคำวินิจฉัยของศาล รธน. ที่น่ากลัวที่สุดคือ “หากยังมีสถานะเป็นบริษัทที่จดแจ้งว่าทำสื่อ แม้ปัจจุบันไม่ทำสื่อ ก็มีโอกาสทำได้ ก็ถือเป็นสื่อ” ดังนั้น อีกกว่า 60 ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่มีบริษัทที่แม้ไม่ได้ทำสื่อ แต่ในหนังสือจดบริคณห์สนธิระบุว่า สามารถทำสื่อได้ จะถูกบรรทัดฐานนี้ในการวินิจฉัยแบบเดียวกันหรือไม่


          จริงอยู่ “ธนาธร” ต้องพ้นสถานะความเป็น ส.ส. นับตั้งแต่วันที่ศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่คือ วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นมา และยังสามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ใหม่ เมื่อเคลียร์ปมปัญหาการถือครองหุ้นสื่อเป็นที่เรียบร้อย แต่ต้องตั้งคำถามว่า แล้วจะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งเมื่อไร


          ระหว่างรออีกกี่ปีข้างหน้าจะมีการเลือกตั้งใหม่ เอาเป็นว่าตอนนี้ เตรียมพร้อมรอผลอาฟเตอร์ช็อกดีกว่า


          “พ้นสภาพส.ส.แล้วก็ตาม” แต่ยังมีคดีตามหลังเป็นพรวน สะเทือนถึงพลพรรคตนเอง และ ส.ส.พรรคต่างๆ อีกด้วย
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ