คอลัมนิสต์

กว่า 5 ปี เวลารอคอยของ 'มึนอ'ก็มาถึง 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คดีอุ้มฆ่าบิลลี่ เดินทางมาถึงจุดสำคัญเมื่อศาลอนุมัติหมายจับ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับพวก..5 ปีกว่าที่ มึนอ รอคอยก็มาถึงแม้ว่ายังต้องพิสูจน์ตามกระบวน ยธ.ต่อไป

     มีรายงานข่าวตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวาน(11 พ.ย. )ว่า  พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน คดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี  

     และเมื่อได้พิจารณาจากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้  ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้พนักงานสอบสวน เดินทางไป
ยังศาลอาญาคดีทุจริต เพื่อขออนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 ราย และสุดท้ายศาลฯได้อนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ กับพวก     

     หลังข่าวนี้แพร่กระจายออกไป น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา บิลลี่ บอกด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย หลังทราบว่าคดีฆาตกรรม บิลลี่  สามีเธอ ดีเอสไอได้มีการร้องขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ว่า ก็ไม่ได้ติดใจอะไร 

     “ แค่อยากให้เขารับสารภาพและออกมาขอโทษสังคม กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป คนที่กล้าทำความผิดก็ควรกล้าออกมายอมรับความผิดที่ตนเองทำ และไม่ว่าผลคดีจะออกมาอย่างไรก็เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม”

        จากวันนั้นถึงวันนี้กับ 5 ปีเศษที่ “บิลลี่” นักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยงหายตัวปริศนา กระทั่งดีเอสไอพบเหลือแต่ซากกระดูก โดนฆ่าเผาทรมานยัดถังทิ้งเขื่อนแก่งกระจาน เพื่ออำพรางคดี

       และยังเป็นปริศนากับการถูกอุ้มฆ่า  บ้างก็เชื่อว่า บิลลี่  เกี่ยวโยงกับปมเป็นพยานคนสำคัญในคดีชาวบ้านบางกลอยที่ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในคดีนำกำลังเข้ารื้อทำลายเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้าน รวมถึงบ้านของ ปู่คออี้ ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน 

    ย้อนรอยไล่เรียงเหตุการณ์การหายตัวไปของ“บิลลี่”กระทั่งพบถูกฆ่าเผายัดถัง

    -17 เม.ย. 57 “บิลลี่” เดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เข้าสู่ตัวเมืองใน อ.แก่งกระจาน และหายตัวไป ต่อมาชาวบ้านทราบว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้จับกุม“บิลลี่” ไปสอบสวน แต่ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน

   - 18 เม.ย. 57 ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ออกตามหา "บิลลี่"ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านบางกลอยเข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.แก่งกระจาน ต่อมานายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ ยอมรับว่าได้จับตัว“บิลลี่”ไปจริง เพราะเป็นผู้บุกรุกป่าพร้อมของกลางเป็นน้ำผึ้งจำนวนหนึ่ง เมื่อสอบสวน-ตักเตือนแล้วได้ปล่อยตัวไป

  - 21 เม.ย. 57นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และชาวบ้านยื่นหนังสือต่อ ผู้ว่าฯ เพชรบุรี และผบก.ภ.จว.เพชรบุรีในขณะนั้น ขอความเป็นธรรมและให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามการหายตัวไปของ“บิลลี่” เร่งด่วน และขอให้มีการไต่ส่วนการหายตัวของ“บิลลี่” แต่ต่อมาศาลยกคำร้อง โดยศาลระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอ

-มี.ค. 60   มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เข้ามาตรวจสอบคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่หลังจากสืบสวนไปได้ระยะหนึ่ง ดีเอสไอได้ส่งหนังสือถึงภรรยาบิลลี่ระบุว่า คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติไม่รับคดีบิลลี่เป็นคดีพิเศษ

- กระทั่งปี 61 ดีเอสไอรับคดีการหายตัวไปของ“บิลลี่” เป็นคดีพิเศษ และเริ่มสอบสวนเมื่อปลาย เดือน มิ.ย. 61

-  22- 24 พ.ค. 62 และ 26 เม.ย. 62 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน พบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์มีรอยไหม้สีน้ำตาล มีรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200 - 300 องศาเซลเซียส ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของบิลลี่

      เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ“บิลลี่” ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี

- 28-30 ส.ค. 62  พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับ นักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน ตรวจหาพยานหลักฐาน พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ชิ้น

   ความชัดเจนได้ปรากฎ “บิลลี่” ถูกฆ่าอย่างทารุณโหดเหี้ยม และนำมาซึ่งการขอศาลออกหมายจับนายชัยวัฒน์กับพวกรวม 4 คน ถึง 8 ข้อหา โดยมีข้อหาหนักสุดคือร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โทษตามกฎหมาย คือ ประหารชีวิต 

     "ผมไม่ได้กังวล เพราะบอกแล้วว่าไม่ได้ทำและไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่รู้เรื่อง ผมสงสารเจ้าหน้าที่ของผม เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกคนทำตามหน้าที่ วันนี้มีกระแสอย่างนี้ ก็อยากให้สังคมเข้าใจว่าพวกผมไม่ได้หนีไปไหน และขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม หลักฐานชัดเจนแค่ไหน ก็ให้ว่าไปตามนั้น ไม่อยากให้อะไรที่เป็นเท็จ หรือถูกสร้างขึ้นมา" ชัยวัฒน์ บอกกับสื่อ
       แน่นอนว่าคดีก็ต้องว่ากันไป เหมือนกับที่นายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าไว้  ทางฝ่ายผู้กล่าวหาก็ต้องมีหลักฐานมาแสดงต่อศาลในชั้นสืบพยานว่าผู้ต้องหากระทำผิด ขณะเดียวกันทางฝ่ายผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง นำพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมขั้นสุดท้ายคือ ศาลที่จะชี้ออกมาว่าอย่างไร  

  อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศาลออกหมายจับ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร  คดีฆ่าบิลลี่

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ