คอลัมนิสต์

ของดีที่ถึงมือคนไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันศุกรืที่ 1 พฤศจิกายน 2562

 

 

 

          ต้องบอกว่า “ปังสุด” สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิมช้อบใช้” ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ทั้งเฟส 1 และเฟส 2 ...จนถึงขณะนี้ไม่ว่าจะเยื้องย่างไปที่ใดคงไม่มีใครรู้จักมาตรการเด็ดที่รัฐบาลจัดหนักจัดเต็มด้วยการเติมเงินเข้ากระเป๋าตังค์คนไทยด้วยแบงก์พันกองมหึมาจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท เจ๋งแค่ไหนให้ดูเอา เพราะยังไม่ทันที่จะสิ้นสุดมาตรการ ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ออกมายืนยันอย่างหนักแน่นว่า รัฐบาลเตรียมผลักดันมาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ออกมาอีกระลอก โดยขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังประเมินผลมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 1 กับ 2 ก่อนว่า มาตรการที่ออกไปแล้วมีผลอย่างไรบ้าง คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 เดือน

 

 

 

 

          คงต้องอดใจรออีกสักระยะ แต่เชื่อว่า “ชิมช้อบใช้เฟส 3” จะเป็นมาตรการสุด “อลังการงานสร้าง" เหนือกว่า เฟส 1 และ 2 อย่างแน่นอน ซึ่งมาตรการเติมเงินเข้ากระเป๋าตังค์จำนวน 1,000 บาทต่อหัว อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่อยากให้มองในตัวแคมเปญและมาตรการเสริมด้านต่างๆ ที่ตามมาในเฟส 3 เชื่อว่า ครั้งนี้คงโดนใจพี่น้องชาวไทยชนิดเอาใจไปเลยก็เป็นได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าหลังจากนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว อีกทั้งยังใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ ดังนั้นมีหรือที่รัฐบาลจะไม่เรียกคะแนนนิยมเพื่อให้คนไทยได้แกะกล่องของขวัญห่อโตจากชิมช้อปใช้เฟส 3

 


          แม้จะเสียเงินกองโตเหยียบสองหมื่นล้าน แต่ถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะผลที่ตามมาคือ “รัฐบาล” ได้รับเสียงปรบมือไชโยโห่ฮิ้วจากประชาชนทั่วสารทิศ พร้อมคำกล่าวขานเรียกร้องให้ลุงตู่ๆๆๆๆๆ อยู่ยาวไปอีกสักพัก ส่วนพวกที่ค่อนขอดก็อาจจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่กล้าแหกปากวิจารณ์มาตรการดังกล่าวไปอีกพักหนึ่งเช่นกัน แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ในฐานะคนไทยหากวิเคราะห์มาตรการดังกล่าวด้วยใจเป็นกลางแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอาจเกิดข้อสงสัยว่า “ชิมช้อบใช้” มันตอบโจทย์ในเรื่องการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ได้มากน้อยแค่ไหน

 


          “ชิมช้อบใช้” เป็นมาตรการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และการท่องเที่ยวในระดับชุมชน เพื่อชดเชยภาคส่งออกที่ชะลอตัวลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจต่างประเทศ...ดังนั้นคงต้องมามองกันว่า เงินจำนวน 1.3 หมื่นล้านจากเฟส 1 และเฟส 2 กระจายลงไปสู่เศรษฐกิจระดับชุมชนได้มากน้อยเพียงใด ..ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องออกมาแจกแจงตัวเลขเม็ดเงินของการใช้จ่ายในมาตรการดังกล่าวอย่างละเอียดว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ลงไปถึงชุมชนได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้รัฐบาลต้องชี้ให้เห็นว่าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลสามารถเป็นกลไกส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้จีดีพีปี 2562 เติบโตไปถึงเป้าหมายร้อยละ 3 ได้จริงหรือไม่ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดรัฐบาลต้องน้อมรับทุกคำติติติงและพร้อมจะนำไปแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

 



          แม้ในภาพใหญ่เราจะได้เห็นประชาชนนำ “แอพเป๋าตัง” ออกไปจับจ่ายใช้สอยตามร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศกันอย่างอึกทึกครึกโครม แต่ในโลกของความเป็นจริงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเช่นนี้อาจทำได้แค่เพียงให้เศรษฐกิจไทยกระเตื้องตื่นตัวชั่วครู่ประเดี๋ยวประด๋าว ดังนั้นจากนี้ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำงานหนักด้วยการออกมาตรการแก้ไขแบบระยะยาวเพื่อพาเศรษฐกิจของไทยพ้นปากเหวให้ได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวถือว่า “ชิมช้อปใช้” เป็นมาตรการโดนใจที่สร้างสุขเติมยิ้มให้คนไทย และที่สำคัญยังได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เงินจำนวน 1.3 หมื่นล้านไปถึงมือประชาชนจริงๆ แบบไม่มีตกหล่นสักบาทเดียว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ