คอลัมนิสต์

ส่องรอยปริร้าว สองพรรคหลัก ขั้วค้านลุงตู่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ส่องรอยปริร้าว สองพรรคหลัก ขั้วค้านลุงตู่

 

 

          ภาวะความไม่เป็นเนื้อเดียวกันของเจ็ดพรรคฝ่ายค้านส่งผลออกมาให้สังคมสัมผัสผ่านหน้าสื่อ แม้จุดยืนจะเหมือนกันในการ "ต้านลุงตู่” แต่จังหวะบางอย่างเหมือนขบเหลี่ยมเล็กๆ และอาจบานปลาย

 

 

          เพราะร่างกฎหมายบางฉบับที่ ครม.ส่งให้รัฐสภาพิจารณานั้น บางจังหวะคล้ายว่าฝ่ายค้านเล่นไม่ตรงกัน โดยเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเสียงข้างมาก 366 ต่อ 70 คะแนน อนุมัติพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562


          พรรคร่วมฝ่ายค้านหกพรรค "ไฟเขียว” กับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว


          แต่ "ชาวสีส้มส่วนใหญ่” เลือกเดินอีกเส้นทาง โดยคนการเมืองหลากพรรคที่มีพรรษาในสนามนี้มายาวนาน มองการทำหน้าที่ ส.ส.อนาคตใหม่บนลีลาที่แสดงออกมาให้สังคมประจักษ์นั้น ว่า “ยามนี้ อนค.ล้ำเส้นไปอักโข”


          เพราะจังหวะที่อนค.ขยับหลากวาระ มันคล้ายยืนบนปากเหว...ไม่เกรงแรงปะทะที่จะมาถึง


          79 ชีวิตผู้แทนราษฎรพรรคสีส้มนั้น เมื่อวันวานพบว่า...ส.ส. 70 คนของพรรคอนาคตใหม่ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชกำหนดฉบับดังกล่าว ขณะเดียวกัน ส.ส.บางส่วนของพรรคสีส้มนี้ไม่มาร่วมประชุม (5 คน), บางคน (1 คน) งดออกเสียง และ ส.ส.บางส่วน (3 คน) ลงมติเห็นด้วยในร่างกฎหมายฉบับนี้กับพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน


          ขณะที่การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณก็มีความร้าวเล็กๆ ก่อนลงมติในหมู่พรรคต้านลุงตู่แล้ว เพราะแต่เดิมนั้นอนาคตใหม่จะลงมติไม่เห็นด้วย แต่บางพรรคบอกว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ หากเล่นการเมืองมากไป ชาวบ้านจะตำหนิ และบางพรรคบอกจุดยืนค้านลุงตู่ด้วยที่มาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงบอยคอตในแทบทุกกรณี กว่าจะตกตะกอนในแนวทางงดออกเสียงก็หารือกันพักหนึ่ง

 



          มีการบอกกล่าวเล่าขานถึงเหตุผลของแต่ละคนออกมาแล้วว่าทำไปเพราะอะไร เท่านี้ก็พอสัมผัสได้แล้วว่ามติแกนนำพรรคนั้น บังคับใช้ไม่ได้กับเอกสิทธิ์ ส.ส.ในรัฐสภา...จนใครที่ฝืนมติพรรคกลายเป็นผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคไปแล้ว พร้อมทั้งโดนกองเชียร์ตีตราว่าคืองูเห่าสีส้ม...


          วันนั้นยันวันนี้มีการแฉกันยับจากกระแสข่าวหลากสื่อเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของชาวสีส้ม ที่น่าสนใจคือเค้าลางงูเห่าสีส้มเริ่มบังเกิด เพราะหลายคนอ่านจังหวะในยามหน้าของพรรคออกบ้างแล้วว่าจะหยุดตรงนี้หรือได้สิทธิไปต่อบนถนนการเมือง


          ดังนั้นการอ่านทางลมไปทิศตรงข้ามเพื่อหยั่งกระแสของ ส.ส.บางคนจาก อนค.จึงปรากฏ แม้จะบอกว่าตัวเองยังศรัทธาพรรค แต่มิตรรักแฟนคลับของ “เสี่ยเอก” มิได้มองเช่นนั้น โดยมองว่าใครที่โหวตสวนมติพรรคคือ ”คนที่ทรยศอุดมการณ์ของอนค.” และควรผลักออกไป


          แม้ก่อนหน้านี้คีย์แมนพรรคจะอ้างว่าพรรคใหญ่บางพรรคมาล่อซื้อ ส.ส. แต่ด้วยอุดมการณ์จึงไม่ทรยศประชาชน และขอให้ยุติการดำเนินการดังกล่าว แต่งานนี้กองเชียร์อนค.ออกมาเปิดโปงกันเองว่า "ผู้แทนฯ สีส้มบางชีวิต” ไหลเลื้อยไปแล้วด้วยปัจจัยบางอย่าง...แต่ฝ่ายที่โดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏสีส้มก็ออกมาโต้กลับแบบไม่ยั้ง จนเกิดอาการร้าวชัดบนหน้าสื่อหลากแขนง


          เมื่อบวกกับกองเชียร์ในโลกออนไลน์เมื่อวันก่อนแต่วันนี้กลับทำหน้าที่กองแช่งและคอยปูดเรื่องราวมุมลบออกมา


          สายสืบได้ข้อมูลจากคนวงในอนค.มาว่า เสี่ยเอก/ช่อ/อาจารย์ป๊อก คือสามคีย์แมนหลักของพรรคสีส้มที่ใช้แนวคิดของทั้งสามชีวิตวินิจฉัยแนวการทำงานของพรรค


          เรื่องราวแบบนี้ไม่ดีเลย...


          และอย่าลืมวันไต่สวนคดีโอนหุ้นสื่อที่มีดราม่า “ธนาธร-ทักษิณ” แม้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะยอมรับว่ากระทำไม่เหมาะสม และขออภัยที่กล่าวพาดพิงอดีตนายกฯ


          แต่รอยปริของสัมพันธ์ “อนค.-พท.” เปิดกว้างนัก...


          ดังนั้นวี่แววของ อนค.อันใกล้คล้ายว่าจะหม่นมัวไปเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับชื่อพรรคไปเสียแล้ว...


          ส่วนอีกพรรคหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากชาวสีส้มคือ “พรรคเพื่อไทย” นั้น รอยปริร้าวเริ่มชัดเจนขึ้นไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพราะมีข่าวว่า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรค คล้ายว่าจะถอดใจหลังจากขึ้นหลังเสือมาระยะหนึ่ง กาลยามนี้บ่งชี้เบื้องต้นว่าแรงต้านมุมลึกภายในพรรคนั้นมหาศาลกับบทบาทที่คุณหญิงหน่อยกำลังดำเนินอยู่


          เพราะ "มวยใหญ่” ในเพื่อไทยใช่ว่าจะยอมลงให้คุณหญิงหน่อย "ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้” ได้เพียงผู้เดียว แม้ว่าสตรีคนนี้จะได้รับ "กระบี่อาญาสิทธิ์” ในการคุมยุทธศาสตร์พรรคร่วมกับคนในสังกัดจากคนไกลบ้าน แต่สองเจ๊(เจ๊แดงและเจ๊ปู)รวมทั้งคุณหญิงบางชีวิตที่หนุนเพื่อไทยในมุมลับก็ใช่ว่าจะไฟเขียวให้คุณหญิงหน่อยกุมสภาพได้เบ็ดเสร็จ


          น้ำตาของสตรีคนนี้หลั่งเป็นระยะกับภาวะและภาระที่รับมาถือธงเคียงข้าง สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน


          เพราะหลายเรื่องที่คุณหญิงหน่อยและทีมงานเปิดเกมบุก แต่คล้ายว่ากลไกของพรรคมิได้ขยับตามไปเสียหมด สิ่งที่ปรากฏชัดมากคือการส่ง/ไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรค หลังจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ บินเดี่ยวไปแล้ว


          เพราะแกนนำพรรคให้ข่าวคนละมุม จนต้องมาปรับความเข้าใจในตอนหลังนั้น มันเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงมันมีอะไรซุกอยู่ลึกๆ และค่อยๆ คลายออกมาชัดๆ


          งานนี้เหนื่อยหนักสำหรับคุณหญิงหน่อย...ในการเข็นพท.กลับมายืนแท่นเบอร์ 1 การเมืองไทย แม้จะมีแต้มต่อมากกว่าพรรคอื่น


          สองพรรคแกนนำขั้วต้านลุงตู่จึงเสมือนยืนท้าคลื่นยักษ์การเมืองและคลื่นใต้น้ำของแต่ละพรรคที่ล้วนแต่ทรงฤทธิ์ยิ่ง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ