คอลัมนิสต์

เม็ดเงินต้องไม่หล่นหาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562

 

 

 

          การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เป็นพิเศษในเรื่องด่วนเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยการกำหนดเวลาให้ฝ่ายค้านและรัฐบาลได้อภิปรายฝ่ายละ 18 ชั่วโมง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่นานที่สุดที่เคยมีการพิจารณามา สำหรับเวลารวมของการพิจารณาจะใช้เวลา 3 วัน  แต่เนื่องจากไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยสภามานาน 5-6 ปีแล้ว จึงถือเป็นโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างเต็มที่ และเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงข้อซักถามต่างๆ ซึ่งหลังจากผ่านวาระ 1 แล้วคณะกรรมาธิการจะมีเวลาทำงานจนถึงวันที่ 3 มกราคม ก่อนนำเข้าสู่วาระ 2 และ 3 เพื่อลงมติ และส่งต่อให้สภาสูงเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในราววันที่ 27 มกราคม 

 


          ตลอด 3 วันที่ผ่านมา บรรยากาศการอภิปราย 2 ฝ่ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลได้ชี้แจงถึงแผนการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทการพัฒนาตั้งแต่ปี 2561-2580 และคำนึงถึงการพัฒนาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนดูแลและเตรียมพร้อมในการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เพราะในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงจากมาตรการกีดกันทางการค้า รัฐบาลจึงต้องบริหารเงินคงคลังให้เหมาะสม โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงขึ้น พร้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณ ซึ่งเศรษฐกิจในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0-4.0 โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการเร่งเบิกจ่าย โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการใช้จ่ายภาครัฐและภาคครัวเรือนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ


          ขณะที่มุมมองของซีกตรงข้ามเห็นว่าภาพรวมของการจัดทำงบประมาณเป็นการจัดเงินงบประมาณไม่สอดคล้อง และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ทั้งภาครายรับและรายจ่าย จากการประเมินภาวะเศรษฐกิจและการคลังของไทยและของโลกจากสถาบันต่างๆ แตกต่างจากสิ่งที่รัฐบาลประเมินในหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลประเมินสูงกว่าความเป็นจริง ทั้งตัวเลขจีดีพีที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.0 ในปีหน้า แต่สถาบันต่างๆ ประเมินว่าจะอยู่ที่ 2.7 และ 2.9 จากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจ การส่งออกติดลบ มีความเสี่ยงสูงในการดำเนินธุรกิจจากปัจจัยภายนอกที่ไม่มีความแน่นอน ซึ่งปีหน้าจะวิกฤติกว่านี้และรัฐบาลแทบทุกประเทศส่งสัญญาณให้ประชาชนประหยัด แต่รัฐบาลไทยกลับมีนโยบายชิมช้อปใช้ แม้จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ แต่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว

 

 

 

          นับเป็นครั้งแรกของการจัดทำงบประมาณที่ไม่ได้เอากระทรวงต่างๆ เป็นตัวตั้ง แต่ยึดหลักการจัดทำให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการหลุดกับดักของรายได้ปานกลาง  ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างอภิปรายโดยภาพรวมตรงประเด็น ทำการบ้านมาดี มีชาร์จอธิบายให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น ไม่ได้ใช้อารมณ์รุนแรงใส่กัน แม้บางคนจะมีเนื้อหาสอดแทรกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรวมถึงการหาเสียงมาประกอบก็ตาม แต่ที่สุดแล้วทุกคนก็มุ่งมั่นที่จะเห็นเม็ดเงินงบประมาณเหล่านั้นถูกนำมาใช้ตามแผนงาน ก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติในทุกด้านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย  รวมถึงต้องเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนและรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งต้องจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ