คอลัมนิสต์

ธนาธร สารภาพ คิดการใหญ่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธนาธร สารภาพ คิดการใหญ่ คอลัมน์...  วงในวงนอก  โดย... อสนีบาต  [email protected]

 

 

 

          “…เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ต้องธนาธร…” โปรโมทความเป็นตัวตนพ่อหนุ่มรายนี้สักหน่อย


          ทุกความเคลื่อนไหวของ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ประเทศชาติบ้านเมือง ตั้งแต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เดินยุทธศาสตร์รวบรวมไพร่พลผ่านการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้สาวกไปเสวนาตามเวทีต่างๆ กล่าวหา "รัฐธรรมนูญเฮงซวยทุกมาตราบ้าง” ไปถึงวาทกรรมปลุกระดมเรียกร้องออกมาเดินถนนแก้ รธน.บ้าง มีความพยายามผ่านแนวร่วมนักวิชาการผลักดันแก้ รธน.มาตรา 1 บ้าง จนทำให้รัฐบาล กองทัพ ต้องออกมาทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน

 

 

 

          สร้างความปั่นป่วนภายในประเทศไม่พอ เสนอหน้าไปฮ่องกงร่วมเวทีเสวนาทางการเมืองในจังหวะที่บ้านเขาชุมนุมประท้วง ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด


          การที่นักการเมืองไทยโผล่ร่วมวงเสวนาท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองอันวุ่นวาย ไม่แปลกที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ออกข้อความเตือนนักการเมืองไทยที่ไปให้การสนับสนุนม็อบฮ่องกง ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งอาจกระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย–จีน


          ถูกต้องแล้วที่สถานทูตจีนในประเทศไทยต้องใช้สิทธิ์แจง เพราะไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ แต่นั่นเป็นความปรารถนาดีถึงคนไทยผู้นั้น ต้องระมัดระวังความปลอดภัย ไม่ทราบว่า “ธนาธร” จะเข้าใจจุดนี้หรือไม่


          …อสนีบาต…เชื่อว่าเขาเข้าใจ แต่อยากฝืนกระแส อยากสร้างความเป็นขบวนการซูเปอร์ฮีโร่ เป็นผู้ช่วยชี้ทางออกให้มวลชนฮ่องกง เพราะจากการติดตามคำแถลงของธนาธรในวงเสวนา ได้กล่าวถึงการถอดบทเรียนความวุ่นวายทางการเมืองในบ้านเราให้บ้านเขาทราบ


          สถานการณ์การชุมนุมในฮ่องกงเป็นปัญหาภายใน ต้องได้รับการคลี่คลายจากรัฐบาลฮ่องกง การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือรัฐใดแทรกแซงกิจการภายใน เขาไม่ทำกัน ยิ่งประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีมาช้านานด้วยแล้ว ต่างมีขนบธรรมเนียมมารยาททางการทูต เรื่องเหล่านี้สากลโลกรับรู้และปฏิบัติกัน




          คำถามตามมา “ธนาธร” เป็นคนไทยหรือเปล่า ธนาธรรู้หรือไม่ว่า กำลังชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ทำให้นึกถึงละคร “ตี๋ใหญ่” ในตำนาน ที่มักเอ่ยขึ้นมาว่า “ไอ้ตี๋เอ็งอย่าเป็นโจรนะ ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อน”


          …อสนีบาต… อ่านข้อความของธนาธรชี้แจงต่อประเด็นที่เดินทางไปฮ่องกง โดยยอมรับไปถ่ายภาพกับโจวชัว หว่อง จริง แต่เป็นการถ่ายครั้งเดียวและครั้งแรก และเรียกร้องสื่ออย่าเอาแค่ภาพภาพเดียวมาตีความว่าเขาไปปลุกปั่นสนับสนุนม็อบฮ่องกง


          ทุกถ้อยความของธนาธร ไม่ได้มีส่วนไหนพยายามขอโทษหรือสร้างความผ่อนคลายให้ทางการจีน เหมือนว่า “ธนาธร” พิจารณามาแล้วว่านั่นเป็นแค่คำเตือนโดยที่ประเทศไทยคุ้มกบาลความปลอดภัยตนเองอยู่ ไม่มีรัฐบาลประเทศไหนมาแทรกแซงได้ จึงไม่ต้องกลัว ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไร


          แปลกนะครับ การที่ธนาธรเข้าใจกระบวนการระหว่างประเทศเขาไม่แทรกแซงกิจการภายใน แต่สำหรับตนเองผู้ป่าวประกาศจะเป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่ กลับไปยุ่มย่ามแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ฮ่องกง !!!


          ข้อท้ายๆ ธนาธร ยอมรับว่า ตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจ ตัวเขาและสมัครพรรคพวกพยายามหาทางรวมตัวในลักษณะกลุ่มองค์กรมวลชนเคลื่อนไหว กล่าวตามประสานักเลง ต้องการรวมตัวเคลื่อนไหวประท้วงขับไล่รัฐบาลคสช. เหมือนที่ฮ่องกงกำลังทำอยู่นั่นไงเล่า


          ธนาธร บอกว่า ความคิดเหล่านี้เป็นที่รับรู้ของสื่อมวลชนและคนโดยทั่วไปอยู่ก่อนแล้ว แต่คิดไปคิดมาตกผลึกน่าจะตั้ง พรรคการเมือง ในที่สุดจึงให้กำเนิดพรรคอนาคตใหม่


          ธนาธร เผยสาเหตุที่จบลงด้วยการตั้งพรรคการเมือง เพราะเรายังมีบาดแผลสดๆ ติดตัวจากการชุมนุมเคลื่อนไหวเมื่อปี 53 มีประชาชนบาดเจ็บนับพัน ล้มตายนับร้อย ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก จึงเลือกใช้วิธีตั้งพรรคการเมือง (พูดได้อย่างสวยหรูดูดี มีเสน่ห์ชวนแสวงหาสันติสุขดีแท้)


          แต่นั่นล่ะ คำกล่าวทั้งหมด สื่อสารบนเวทีการเมืองที่ฮ่องกง ในจังหวะกำลังมีความจลาจลวุ่นวาย ประหนึ่ง ต้องการให้คำแนะนำ ให้วิธีแก่แกนนำมวลชนที่เคลื่อนไหวอยู่ในฮ่องกง อย่างปฏิเสธไม่ได้


          ประเด็นสำคัญ แม้ "ธนาธร” อ้างว่า เคยบอกเล่าเรื่องนี้ผ่านสื่อมวลชน ผ่านสาธารณะมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่มาถึงนาทีนี้ทำให้เห็นว่า แม้เขาจะตั้งพรรคการเมือง แต่ได้อาศัยพรรคการเมืองเป็นเกราะกำบังในการเคลื่อนไหวทั้งในสภาและนอกสภา


          การเคลื่อนไหวแต่ละประเด็น ยังตอกย้ำเจตนาตัวตนที่แท้จริงในการเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชน ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า “สรรหาวิธีโค่นล้มแย่งชิงอำนาจ” ไปวันๆ เท่านั้นเอง


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ