คอลัมนิสต์

ขว้างงูไม่พ้นคอ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย...   อสนีบาต aussaneebard @ Hotmail.com

 

 

          เมื่อไม่กี่วัน… อสนีบาต…เพิ่งถ่ายทอดเรื่องราวกรณีแกนนำพรรคฝ่ายค้าน นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมามาพบปะกองบรรณาธิการสื่อ เพื่อชี้แจงแสดงเหตุผลทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

 

 

          วันนั้น ธนาธรออกตัวไว้ก่อนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทางพรรคของธนาธรตกลงปลงใจพร้อมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นที่เรียบร้อย จะไม่แตะมาตรา 1 มาตรา 2 และมาตรา 3


          “เป็นข้อตกลงร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยัน หมวด 1 หมวด 2 หมวด 3 เราไม่ยุ่ง เราไม่ได้เสนอรัฐธรรมนูญใหม่ควรมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง แต่เราเสนอกระบวนการที่ดีที่สุดต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ยึดโยงประชาชน เป็นสภาที่ตั้งขั้นมาทำภารกิจเฉพาะกิจ” ธนาธร กล่าวต่อ…อสนีบาต…และเพื่อนสื่อทั้งหลาย เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562


          ราวกับว่า ธนาธรและคณะกำลังอุดจุดอ่อนที่เคยถูกโจมตี แปรเปลี่ยนเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยความคาดหวังว่าจะได้แนวร่วมมากขึ้น


          เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะไปก่อนแล้ว นับตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ธนาธร, ปิยบุตร แสงกนกกุล และพวก มีความพยายามอยากแก้ไขประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง


          แม้แต่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส. แนวความคิดแหกโผจารีตประเพณีก็ยังฝังอยู่ในสมอง คงเดินสายขายความคิดบอนไซเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ

 

          ถึงขนาด “คุณช่อ” พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ป่าวประกาศผ่านเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เสียงดังฟังชัด “รัฐธรรมนูญเฮงซวยทุกมาตรา” แม้จะออกมาแก้ข่าวภายหลัง ไม่ได้หมายความว่าเฮงซวยทุกมาตรา แต่เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาเกือบทุกมาตราแล้วก็ตาม แต่ผู้สดับตรับฟังได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ต่อถ้อยความที่แก้ต่างแก้ตัว




          อุตส่าห์พยายามผ่อนคลายความหวาดระแวง ไม่แตะมาตรา 1 มาตรา 2 มาตรา 3 หรือจะแก้ต่างแก้ตัว รัฐธรรมนูญไม่ได้เฮงซวยทุกมาตราแล้วเชียว ก็ปรากฏว่า คล้อยหลังการพบปะสื่อมวลชน เหล่าคณะพรรคฝ่ายค้าน นำโดยธนาธร ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ตามที่ได้บอกกับเราไว้นั่นล่ะ เป็นกำหนดการเดินสายขยายเครือข่ายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไปที่ จ.ปัตตานี หนึ่งในสามจังหวัดภาคใต้ที่ลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับปี 60


          จึงเกิดประเด็นขึ้นสิครับ เนื่องจากการจัดเวทีดังกล่าว ต้องเชิญบุคลากรที่มีความเห็นร่วมตรงกันกับคณะมาแจกแจงเหตุผล อย่างว่าใครจะเชิญคนเห็นต่างมาร่วมเวทีเดี๋ยววงแตก เป้าหมายของการสร้างเครือข่ายปลุกธงสีเขียวจะไม่ได้ผล


          และคนที่สร้างประเด็น ปลุกความหวาดระแวงกลับมาอีก ก็คือ นักวิชาการที่สนับสนุนแนวคิดของธนาธรและคณะ ไม่ต้องเอ่ยชื่อท่านแล้วกัน เผลอไปเสนอความคิดจะแก้ รธน.มาตรา 1 จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางไปทั่วประเทศ มีการออกข่าวผ่านจอทีวีโดยเห็นภาพ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งอยู่ข้างนักวิชาการท่านนี้เสียด้วย กลับไม่ได้รู้สึกรู้สาต่อคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาเลย


          ล่าสุดท่านอาจารย์ออกมาบอกว่า สื่อเอามาลงไม่หมด ไปตัดตอนข้อความสร้างความเข้าใจผิด จึงให้นักศึกษาช่วยถอดเทปคำต่อคำนำเสนอผ่านเพจส่วนตนให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย


          …อสนีบาต…เชื่อว่า สาธารณชนที่ติดตามการเมือง ติดตามแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญคงได้เข้าไปอ่านเนื้อหาอย่างละเอียดแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าไปอ่าน ก็น่าจะติดตามจากสื่อแขนงต่างๆ ได้ เนื่องจากมีการเผยแพร่ถ้อยความโดยละเอียด


          หลักใหญ่ใจความ นักวิชาการท่านนี้ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ ไม่ได้พูดเลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1


          แต่ไม่รู้สินะ คำกล่าวของท่านทำให้เห็นใบหน้าสวยๆ ของ”คุณช่อ” พรรณิการ์ ลอยขึ้นมาแล้วแถลงข่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้เฮงซวยทุกมาตรา แต่ดิฉันกำลังหมายถึงรัฐธรรมนูญมีปัญหาทุกมาตรา อีกครา


          คราวนี้ ถ้าใครยังไม่อ่านข้อความที่ได้รับการถอดเทปทั้งหมด…อสนีบาต…มีพื้นที่เหลือน้อยนิด ขออนุญาตคัดลอกสี่บรรทัดสุดท้ายของท่านอาจารย์ชนิดไม่ตัดต่อออกสักคำมาให้สาธุชนอ่าน


          “…ประเทศไทยอาจจะไม่จำเป็นต้องมีรัฐเดี่ยวหรือแบบรวมศูนย์ ดิฉันหวังว่าในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ เราจะมีพื้นที่จะสามารถอภิปรายเรื่องนี้ได้ เราจะต้องทำให้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะถกเถียงกันในมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญที่เราจะแก้ไข (ปัญหาชายแดนใต้) ได้โดยตรง ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตราที่ 1 ด้วยก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอบคุณค่ะ”  


          ทุกท่านมีวิจารณญาณความคิด ไปพิจารณาแล้วกันนะครับ เรื่องนี้จะเข้าทำนองสุภาษิตอะไรดี
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ