คอลัมนิสต์

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ? รายงาน...

 

 

 

          catch me if you can “แน่จริงจับให้ได้สิ!”


          เด็กน้อยแววตามุ่งมั่น ยืนจ้องเจ้าตุ๊กตาผ้าหลากสีในตู้อะคริลิกใสประดับไฟสว่างนวล พลางกระซิบตอบ


          “แน่นอน! ฉันรับคำท้าแก”

 

 

 

          พลันที่เหรียญกษาปณ์มูลค่า 10 บาท ถูกส่งผ่านเครื่องหยอดเหรียญ เด็กน้อยวางมือบนคันบังคับแล้วค่อยๆ บรรจงควบคุมแขนกลที่ห้อยอยู่ในตู้ให้เลื่อนลงไปคีบเจ้าตุ๊กตาหมีตัวที่หมายมั่นไว้ขึ้นมาช้าๆ

 

          สีหน้าของเด็กน้อยตอนนี้มีอาการเกร็งให้เห็น เพราะกำลังตื่นเต้นและลุ้นว่าจะสามารถพิชิตเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ก่อนที่มันจะหลุดมือไปได้หรือไม่

 

 

 

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ?

 


          เด็กน้อยตอแยอยู่กับตู้ตุ๊กตาเจ้าเล่ห์นี้สองรอบ แม้ว่าทุกรอบที่หยอดเหรียญเข้าไปไม่เคยคีบตุ๊กตาติดมือออกมาได้เลยสักครั้งเดียว


          วันนี้เงินที่แม่ซึ่งเปิดบูธขายของอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ให้มาหมดแล้ว 20 บาท ตามโควตาแต่ละวัน เจ้าหนูจึงตัดใจเดินผละออกจากตู้เกมแสนกลนั่น ปล่อยให้วัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงและส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเข้ามาสนุกกับมันแทน


          วัยรุ่นกลุ่มนี้คุยกันถึงวิธีการเล่นเกมคีบตุ๊กตาของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องการแข่งขัน แบบว่า “ใครเจ๋งกว่ากัน” แต่ไม่มีเดิมพันหรือการพนันเกี่ยวข้อง


          พนักงานร้านค้าที่อยู่ติดกับตู้ตุ๊กตา บอกว่า วัยรุ่นกลุ่มนี้ชอบมาแข่งกันคีบตุ๊กตาตอนเลิกเรียน แต่ไม่ได้มาทุกวัน ถ้าวันหยุดคนจะเยอะกว่านี้ บางคนคีบได้ บางคนคีบไม่ได้ บางคนมากับแฟนถ้าคีบไม่ได้ก็จะพยายามคีบให้ได้แม้ต้องหยอดตังค์เพิ่มนับสิบเหรียญ

 

 

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ?

 


          ประวัติตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามีผู้นำเข้ามาให้บริการตั้งแต่เมื่อใด แต่นับจากประเทศเข้าสู่ยุคพัฒนาก็เห็นตู้คีบตุ๊กตาตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยืนคีบเล่นกันอย่างสนุกสนานหลายสิบปีมาแล้ว




          เดิมทีตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญมีให้บริการเฉพาะในห้างสรรพสินค้า และหน้าโรงภาพยนตร์ชั้นนำในเมือง แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้เริ่มแพร่หลายไปตามชุมชน 


          ที่หน้าร้านสะดวกซื้อจะพบว่ามีตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญตั้งอยู่ทั่วไป บางช่วงเวลาจะเห็นแม่ค้าแผงลอยบริเวณนั้นทิ้งร้านมาจับกลุ่มคีบตุ๊กตาส่งเสียงดังเหมือนเชียร์มวย เพราะมีเดิมพันติดปลายนวมเล็กๆ น้อยๆ พอแก้เซ็งยามลูกค้าทิ้งช่วง


          ทว่าหลายวันมานี้หน้าร้านสะดวกซื้อที่เดิมกลับดูโล่งตาผิดปกติ ตู้คีบตุ๊กตาที่เคยเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาสาวกนักคีบถูกยกออกไปหลังมีข่าวสะพัดว่าถูกตำรวจกวาดล้าง


          ความจริงตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญเป็นธุรกิจผิดกฎหมายมานานแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ เพราะปกติเห็นตั้งให้เล่นกันโจ่งแจ้งตั้งแต่บนห้างยันข้างถนน ไม่ต้องหลบซ่อนเหมือนตู้เกมพนันชนิดอื่น 


          กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายปกครองนำโดยปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง จ.อุดรธานี นำกำลังไปจับตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญหน้าร้านขายของชำ ย่านถนนหลังเรือนจำกลาง เพราะได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเด็กว่า ลูกหลานของพวกเขาถูกมอมเมาจากตู้เกมเหล่านี้จนไม่เหลือเงินกินข้าว จึงได้รู้ว่าเจ้าตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญที่ติดป้ายแสร้งว่าเป็น “ตู้ฝึกทักษะ” พวกนี้ ที่แท้คือตู้เกมต้องห้าม ถูกจัดอยู่ในประเภทเครื่องเล่นสำหรับการพนัน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 23 พ.ศ.2530 ออกตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ตามบัญชี ข ลำดับที่ 28 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งต่อมาศาลแขวงอุดรธานี  มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 มิภุนายน 2562 สั่งลงโทษปรับผู้ดูแลตู้ 800 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา และให้ริบของกลางทั้งหมด

 

 

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ?

 

 


          การจับกุมตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญที่ จ.อุดรธานี ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณกวาดล้างธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาทั่วประเทศอย่างจริงจังครั้งแรก หลังจากเคยมีข่าวการจับกุมสุดท้ายเมื่อปี 2547 และมีการดำเนินคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8600/2547 เป็นคดีตัวอย่างมาแล้ว แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังทำให้ธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญยังคงเฟื่องฟูมาจนถึงทุกวันนี้  


          “ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยสั่งห้ามอนุมัติหรือออกใบอนุญาต การตั้งตู้คีบตุ๊กตาในศูนย์การค้าต่างๆ ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการคุ้มครองเด็กและเยาวชน มิให้ลุ่มหลงอยู่กับอบายมุขอันส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมและปัญหาอื่นๆ ตามมา จึงมีหนังสือกำชับแต่ละจังหวัดให้ควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง ใกล้ชิด”


          ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ย้ำว่าตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 แม้ว่าตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญจะถูกจัดไว้ในบัญชี ข ที่เปิดช่องให้ขออุนุญาตต่อเจ้าพนักงานเปิดให้เล่นถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งเด็ดขาดไม่อนุญาตให้เปิดเล่นอีกต่อไป

 

 

 

ขุมทรัพย์ตู้คีบตุ๊กตาเครื่องฝึกทักษะ-เกมพนันคิขุ?

 


          เช่นเดียวกับ สกลธี ภัทธิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่าได้มอบหมายให้สำนักงานเขตตรวจสอบตู้คีบตุ๊กตาในกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแม้จะมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม


          กระนั้นแม้ว่ากรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแสดงท่าทีจริงจัง แต่ความจริงนั้น ธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาที่เฟื่องฟูอยู่ทุกวันนี้กลับเป็นแหล่งรายได้เสริมของเจ้าหน้าที่อย่างเป็นกอบเป็นกำมาโดยตลอด


          เจ้าของธุรกิจตู้คีบตุ๊กตานับร้อยตู้ให้ข้อมูลว่าเริ่มจับธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาเพียงแค่ 2 ปี ตู้ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน สนนราคาเครื่องละ 40,000-60,000 บาท เสียค่าเช่าพื้นที่ตามห้างตกเครื่องละไม่กี่พันบาท ใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็คืนทุน


          เจ้าของตู้คีบตุ๊กตารู้ดีว่าการทำธุรกิจพวกนี้ต้องขออนุญาต แต่เขาไม่ได้ขอ เพียงแค่ยอมจ่ายเงินที่เรียกว่าส่วยรายเดือนให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหลายส่วนหลายฝ่ายมาก ถ้าเป็นท้องที่ก็เหมาไปเดือนละ 1 หมื่น ส่วนพวกขอแบ่งกิน ทั้งขาจร ขาประจำ ก็เฉลี่ยกันไป รวมๆ แล้วหลายหมื่นบาท แต่ก็คุ้มค่ากับรายได้ที่เข้ามาอย่างมหาศาล


          ปัจจุบันหลังจากกรมการปกครองและตำรวจเริ่มแสดงท่าทีจริงจัง ตู้คีบตุ๊กตาของเจ้าของธุรกิจรายนี้จึงต้องถูกยกออกจากห้างไปเก็บซ่อนไว้ในโกดังเป็นการชั่วคราว เช่นเดียวกับเจ้าของรายอื่นที่บางรายแม้ยังกล้าท้าทาย เพราะมั่นใจในเส้นสายที่หนุนหลัง แต่สุดท้ายต้องจำนนไปตามกระแส


          ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562  ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย รณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ ร่วมกับ นิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี ตร.สภ.คลองหลวง นำกำลังไปจับตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญได้อีกที่ตลาดข้างห้างบิ๊กซี นวนคร และตลาดยูสแควร์ ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ได้ของกลางมาเกือบ 30 ตู้


          อย่างไรก็ตามจากการสำรวจห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพหลายแห่ง พบว่ายังมีตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญเปิดให้บริการ ราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอกที่กำลังมีการกวาดล้างกันอยู่ 


          หาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยังไม่รีบทำการบ้านให้เสร็จในตอนนี้ อีกไม่นานธุรกิจตู้คีบตุ๊กตาหยอดเหรียญทีี่ทางการตีความว่าเป็นเครื่องเล่นการพนันก็คงได้ฟื้นกลับมาสูบเงินค่าขนมเด็กและสาวกนักคีบอีกแน่นอน


          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8600/2547
          เครื่องหยิบจับตุ๊กตาอัตโนมัติของกลางเป็นเครื่องเล่นไฟฟ้าอัตโนมัติซึ่งผู้เล่นต้องหยอดเหรียญ 10 บาท แล้วกดปุ่มให้เครื่องคนตุ๊กตา จากนั้นจึงจับคันโยกเลื่อนหาตำแหน่งเพื่อคีบตุ๊กตา หากคีบได้ถือว่าผู้เล่นเป็นผู้ชนะ ได้ตุ๊กตามีมูลค่ามากกว่าเงินที่ต้องเสียไป เป็นแรงจูงใจให้เข้าเล่น หากคีบไม่ได้ถือว่าเป็นผู้แพ้จะได้เพียงคูปองไปใช้แลกสิ่งของซึ่งมีมูลค่าไม่เกินราคาเหรียญที่หยอด ดังนั้นถึงแม้จะเล่นคนเดียวก็สามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ระหว่างผู้เล่นกับเจ้าของเครื่อง เพราะหากผู้เล่นชนะก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากเครื่องเล่น โดยสภาพเครื่องเล่นจึงมิใช่เป็นการให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่ผู้เล่นเท่านั้น จึงเข้าลักษณะเป็นเครื่องเล่นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 23 (พ.ศ.2530) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 อันเป็นการเล่นพนันตามบัญชี ข ลำดับ 28


          จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของเครื่องเล่นและได้ประโยชน์จากเงินที่ผู้เล่นใช้หยอดใส่ลงในเครื่องเล่นของกลางก่อนลงมือเล่น ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันดังกล่าวขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน


          จำเลยที่ 1 เป็นผู้เข้าเล่นจะมีความผิดต่อเมื่อทราบว่าเครื่องเล่นของกลางไม่ได้รับอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นขึ้น เครื่องเล่นของกลางตั้งอยู่ในห้าสรรพสินค้าโดยเปิดเผย บุคคลทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่าสามารถเข้าเล่นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 รู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นของกลาง จำเลยที่ 1 จึงขาดเจตนาในการกระทำความผิด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ