คอลัมนิสต์

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  ทีมข่าวการเมือง เครือเนชั่น

 

 


          “มติพรรคประชาธิปัตย์” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผลปรากฏว่ามีมติร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ 61 เสียง ไม่ร่วม 16 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง บัตรเสีย 1 ใบ

 

          เท่ากับว่า ปชป.ไปยกมือหนุนลุงตู่ให้กลับมาทำงานแล้ว และแน่ชัดแล้วว่า “งูเห่าภาคสาม” ที่จุติชัด ณ ถนนเศรษฐศิริ เมื่อช่วงเช้าวันอังคารก่อนการประชุมพรรคประชาธิปัตย์จะเริ่มขึ้นเพราะ “อิสสระ สมชัย” 1 ใน 27 ส.ส.พรรคสีฟ้า บอกชัดว่าแม้พรรคจะมีมติแบบใดออกมา ทั้งร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาลและฟรีโหวต แต่ 27 ส.ส.พรรคปชป. ไปยกมือหนุนลุงตู่แน่นอน เท่ากับว่างูเห่าสีฟ้ากลุ่มนี้มีฤทธิ์ยิ่ง

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 

 

          ที่ผ่านมาสังคมรับรู้แรงต่อรองใน ปชป. ที่สองขั้วขัดกันชัดแจ้ง และกำลังพลสูสีกันนั้นว่า รอยร้าวเรื่องร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาลคราวนี้ คล้ายเป็นจุดหันหัวพรรคลงและทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคเก่าแก่ของเมืองไทยสั่นคลอนไป เพราะคำว่าอุดมการณ์ของพรรคกับผลประโยชน์ของคนการเมืองของพรรคที่หวังจะร่วมงานเป็นรัฐบาลหลังการยึดอำนาจนั้น อะไรควรมาก่อนและสิ่งใดจะสร้างประโยชน์ให้บ้านเมืองและประชาธิปไตยไทยได้บ้าง...


          หลายคนมองว่าทำไมเกมการดึงเวลาของพรรคสีฟ้าจึงลากมาจนถึงตอนนี้ ? ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ควรจบได้ตั้งนานแล้ว แต่เหตุที่จบไม่ได้นั้นเพราะใครบางคนยังไม่อยากให้แม่น้ำสีฟ้าต้องแยกสายในช่วงนี้หรือไม่...


          อย่าลืมว่าเค้าลางแม่น้ำสีฟ้าแยกสายในวันวานมันแน่ชัดแล้วในวันนี้ มูลเหตุนั้นหลายคนบอกว่ามาจากการประกาศจุดยืนไม่เอาระบอบทักษิณและไม่หนุนการสืบทอดอำนาจของอดีตหัวหน้าพรรคสีฟ้า...จนทำให้เกิดตัวเลข 53 ส.ส.ปชป.จากการเลือกตั้งครั้งนี้ นับว่า ปชป.มีตัวเลขอยู่ในระดับที่ต่ำหากเทียบกับผลเลือกตั้ง ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา


          แต่มันคือคำตอบที่คนใน ปชป.ควรพินิจว่าการจะกลับไปยืนในตัวเลขระดับเดิมนั้น ยามนี้หากไม่มีจุดยืนที่แน่ชัดและวางแนวทางพรรคใหม่ อีกทั้งการยุติลีลาทางการเมืองที่หลายคนระอาได้นั้น โอกาสของพรรคสีฟ้ายังจะพอมีอยู่ เพราะไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตามมา ตรงนั้นจะเป็นบทพิสูจน์ของ ปชป.


          แต่ที่แน่ๆ คือรอยรั่วในพรรคที่สะสมมาระยะหนึ่งแล้วนั้นมันปริแยกเด่นชัดในวันนี้

 

 

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 


          หากย้อนเวลาเค้าลางความร้าวในพรรคสีฟ้ามันระอุมาตั้งแต่ก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้ง เพราะครั้งที่ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” และ “อลงกรณ์ พลบุตร” อาสาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แทน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั้น ใครก็รู้กันดีว่าหมอโก๋มาลงสมัครเพื่ออะไร...และมีใครหนุนบนเหตุผลอะไรในการนำ ปชป.ไปยืนมุมใดบนกระดานการเมือง

 




          รอยร้าวใน ปชป.วันนั้น “เดอะ มาร์ค” ย่อมรู้ดีว่าใครบางคนที่ยืนหลังเงาหมอโก๋ ต้องการให้ ปชป.เดินไปทางไหน ? เพราะหากปล่อย เดอะมาร์ค นำทัพ ปชป.แล้ว เดอะมาร์คย่อมไม่มีทางเดินในเส้นทางที่ใครบางคนหวังไว้ให้มันเกิดขึ้นกับ ปชป. เป็นแน่แท้...


          รอยปริวันนั้นส่งผลให้พรรคสีฟ้าวันนี้มีสภาพไม่แตกต่างกับครั้งเหตุการณ์ 10 มกรา เพราะวันนั้นคนในพรรคมีความเห็นทางการเมืองและแนวบริหารพรรคแบบแบ่งแยกชัด จนหลายคนต้องย้ายสำมะโนครัวไปตั้งพรรคใหม่

 

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 


          สภาพของพรรคสีฟ้าในยามปัจจุบันคล้ายยิ่งกับเหตุเมื่อวันวาน เพราะวันนี้ปชป.มีสองขั้ว คือ “ขั้วรุ่นใหญ่” ที่ไม่ไปแตะมือหนุนลุงตู่และไม่เอากับระบอบทักษิณ ส่วนอีกขั้วหนึ่งก็รู้กันดีว่า “คนโตที่แยกวงไปตั้งพรรคใหม่” แต่บารมีที่สะสมไว้หลายเพลาจนมีสมาชิกพรรคและ ส.ส. รวมทั้งอดีตผู้แทนฯ ยอมรับนั้นหนุนลุงตู่ และ 27 ส.ส.ก็อยู่ในขั้วนี้ โดยคำตอบมันบ่งบอกมาจากมติพรรคล่าสุด


          สังคมแว่วมาระยะหนึ่งแล้วว่า 27 ส.ส.พรรคสีฟ้า...ไปทำดีลลับตั้งแต่ไก่โห่แล้วกับใครบางคนที่ทำหน้าที่ดีลกับพลังประชารัฐว่า 27 ส.ส.ปชป.พร้อมจับมือกับ พปชร. และจะได้โควตาใดบ้างมาบรรณาการ ? เพราะมีกระแสลือมาพักหนึ่งแล้วว่า 1 รมว.เกรดเอ และ 3 รมช.กระทรวงดีๆ นั้น 27 ส.ส.พรรคสีฟ้าได้สิทธิเลือกก่อนมติพรรคจะคลอดแน่นอน ?


          อย่าลืมว่า 27 ส.ส.หนุน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เข้าชิงหัวหน้าพรรคและแสดงความจำนงไว้ตั้งแต่ครั้งเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนอภิสิทธิ์ที่ไขก๊อกไปหลังการหย่อนบัตรจบลง โดยแว่วว่า 27 ส.ส.มีแนวทางที่แน่นอนแล้วว่าพร้อมร่วมงานกับพลังประชารัฐและใครบางคนที่เดินจากพรรคไปเมื่อไม่นานมานี้


          เมื่อพีระพันธุ์มาลงกับ “กรณ์ จาติกวณิช” และ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” เพื่อคานขั้วรุ่นใหญ่ใน ปชป. ที่หนุน “อู๊ดด้า” มันคือรอยปริสองขั้วในพรรคที่มิใช่ผลดีกับกระแสการเมืองช่วงนี้

 

 

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 


          และใครมารับงานหัวหน้าพรรคสะตอก็นับเป็นทุกขลาภโดยแท้...และเมื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้สิทธิเป็นหัวหน้าพรรคสีฟ้า "อู๊ดด้า” ก็รับรู้แรงบีบนี้ในพรรคจึงต่อรองเงื่อนไขกับบิ๊กตัวจริงของ พปชร. และไม่สนใจการต่อรองกลับของคนในพลังประชารัฐแม้แต่น้อย จนมีรอยปริในสองพรรคนี้เกิดขึ้น


          วันที่พรรคสีฟ้าได้เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปครองตามดีลแรกที่ซูเปอร์บิ๊กแห่ง คสช.และ พปชร.ยื่นให้ โดยหักความหวังของพ่อมดดำแห่งลุ่มน้ำบางปะกงจนสิ้น จากนั้น ปชป.จึงมีเรื่องราวของนโยบายพรรค การวางคนของพรรคในตำแหน่งที่เหมาะสมและการแก้กติกาหลักของประเทศ งอกขึ้นมาว่าต้องมีในแผนงานของรัฐบาลใหม่ และทำให้บางกลุ่มใน พปชร.ไม่พอใจลีลาของปชป.ที่เล่นแบบนี้ และยังแว่วว่า 27 ส.ส.ก็มิพอใจนักกับสิ่งที่พรรคดำเนินการเพราะมันเพิ่มขึ้นมาเพราะเหมือนเรียกราคาเกินงาม

 

 

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 


          และเมื่อศึกในพรรคสีฟ้าแยกเป็นสองขั้วเยี่ยงนี้...มีแววสูงว่าแม่น้ำสีฟ้าในยามนี้ย่อมถึงคราวต้องแยกสาย ดังนั้นการให้ข่าวดักทางของ “อิสสระ” ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงมติพรรค ก็คล้ายกับว่า ไม่ว่าอย่างไร พปชร.ได้ 27 ส.ส.พรรคสีฟ้าไปร่วมแน่


          ตรงนี้เองคือสิ่งที่ พปชร.วางใจแต่หัววัน แม้จริงๆ แล้ว พปชร.ต้องการคนของพรรคสีฟ้ายกเข่งเพื่อจะเป็นข้ออ้างได้เต็มคำ และยามนี้จากมติของ ปชป.ก็อาจสมใจนึกไปบ้าง...

 

 

 

ปชป.ถึงวัน"แม่น้ำแยกสาย"

 


          เพราะ พปชร.ต้องสู้กับข้อครหาการดูดงูเห่าในวันข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่องงูเห่าสีส้มที่มีการยอมรับจากคีย์แมนอนาคตใหม่แล้วว่า ส.ส.หลายคนของพรรคโดนทาบด้วยปัจจัยมหาศาลให้ไปหนุนขั้วสืบทอดอำนาจ


          แต่รับรองเลยว่าการเมืองในพรรคสีฟ้าที่พร้อมย้อนรอย 10 มกรา จะบังเกิดแน่นอน และการปะทะข้ามขั้วกับหลายมุ้งใน พปชร. มีแนวโน้มสูงยิ่ง และมันจะมีแรงกระเพื่อมถึงรัฐนาวาลุงตู่แบบมิอาจเลี่ยงได้ !

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ