คอลัมนิสต์

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถามว่าใครจะได้เก้าอี้ผู้นำพรรคสีฟ้า เมื่อ "จุดขาย" ของสองตัวเก็งออกมาโต้งๆแบบนี้

          ก็นี่แหละเรื่องที่คนไทยก็จับตามองเขม็ง กับการคั่วตำแหน่งผู้นำพรรคสีฟ้า ประชาธิปัตย์" ที่จะมีการโหวตในวันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2562 ซึ่งสนุกเร้าใจไม่แพ้ตอนที่อดีตหัวหน้ามาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยฟาดฟันกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เลยทีเดียว

          หากแต่ความสนุกรอบนี้มิได้อยู่ที่ว่าใครจะชนะอย่างเดียว แต่ผลของผู้ชนะจะมีส่วนชี้ชะตาทั้งพรรคเอง และยังหมายถึงหน้าตารัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

 

วัดราศรีหัวหน้าพรรค

          ถึงนาทีนี้แม้ว่าผู้ร่วมชิงชัยจะมี 4 คนด้วยกัน ได้แก่ กรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรค และทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตรองหัวหน้าพรรค และอดีตผู้ว่าฯ กทม. และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

          แต่ทุกคนรู้ดีว่าขั้วที่คั่วกันจริงๆ มีแค่สองคนเท่านั้นคือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และกรณ์ จาติกวณิช

 

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

 

          จริงอยู่ที่สองรายนี้หลายคนก็ได้คำตอบแล้วว่าใครมาวิน เพราะมองไปถึงอุดมการณ์ที่สองฝ่ายประกาศตั้งไว้คนละมุม (แม้ว่าบางทีทุกอย่างที่เราเห็นผ่านการเขียนสคริปต์ ซ้อมบท? กันไว้แล้วตั้งแต่ต้นก็ตาม)

          แต่ถ้าจะวิเคราะห์ประสาซื่อ จะเห็นถึงจุดอ่อนจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายไม่ยาก

          “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หรือ อู๊ดด้า” ถ้าเรามองฐานคะแนนเสียงของพรรคนี้ที่มีสองแรง คือ คนกทม.+คนสะตอ หากแต่เอาเข้าจริงๆ ฐานเสียงภาคใต้นับเป็นฐานเสียงหลัก

 

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

 

          ดังนั้นมุมนี้ฝ่ายอู๊ดด้าเรียกว่าดีกรีมากกว่า เพราะเขาคือผู้แทนคนใต้ที่เป็นลูกหม้อของพรรคนี้มาเนิ่นนาน จิตวิญญาณเต็มเปี่ยม ทั้งสำเนียงก็ใช่

          เป็นระดับอาวุโสที่เข้าสู่วงการเมืองตั้งแต่ปี 2529 เป็น ส.ส. 11 สมัย (ส.ส.พังงา 6 สมัย และส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 สมัย และเคยเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงใหญ่หลายกระทรวง

          แถมหากมองไปถึงแบ็กอัพอย่างนายหัว ชวน หลีกภัย ที่สำหรับคนใต้ฉายา “เทพเจ้าชวน” ยังคงขายได้เสมอ รวมไปถึงอดีตหัวหน้ามาร์ค และ  บัญญัติ บรรทัดฐาน หรือ โกหยัด อีกหนึ่งตัวพ่อของคนใต้ก็ไม่ธรรมดา

          และทั้งหมดนี้สะท้อนออกมาจากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ว่าจุดยืนของโหม๋เราคนใต้ เอา-ไม่เอาใครกันแน่!

          หันมาที่ฝ่าย “กรณ์ จาติกวณิช” ที่เป็น ส.ส.รุ่นน้อง แม้จะเริ่มต้นที่พรรคเดียวกัน แต่เขาเพิ่งทำงานการเมืองช่วงปี 2548

 

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

 

           แถมยังเป็น ส.ส.กทม. ที่หากถามความเชื่อมโยงกับคนใต้แล้ว กรณ์ยังห่างจากจุรินทร์ไกลนัก จึงไม่แปลกที่เขาจะเพียรลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อทำความเข้าใจกับคนใต้ในหลายประเด็น

          อย่างไรก็ตามหากวัดกึ๋นทางเศรษฐกิจแล้ว กรณ์ดูจะมีภาษีมากกว่า เพราะภาพของหนุ่มโย่งพูดได้ว่าระดับนานาชาติกับความเป็น “รัฐมนตรีคลังโลก” ที่เคยได้รางวัลมาจากฝรั่งมังค่า

         และลีลาของเขาในการนำเสนอประเด็นการแก้ปัญหาปากท้องก็รับฟังได้เพลินๆ ทำให้น่าเชื่อว่าหากเขาได้เก้าอี้หัวหน้าพรรคและเข้าร่วมรัฐบาล นโยบายต่างๆ จะถูกดันให้เกิดมรรคผล

         อย่างการอ้าง “โพลล์ยกมือ” จากนักธุรกิจใต้ ขณะไปบรรยายหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ที่โรงแรมปุระนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

           ผลออกมาว่าส่วนใหญ่ยกมือให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ ขณะที่เมื่อถามถึงประเด็นฝ่ายค้านอิสระ กลับไม่มีใครยกมือเลย ก็นับว่าเป็นไม้เด็ดของกรณ์

          งานนี้ถึงไม่บอกโต้งๆ ว่าเอาด้วยกับพรรคพลังประชารัฐ อาจติดที่เคยพูดว่า “ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ” แต่ที่เขาบอกว่า “ผมขอบอกจากใจเลยว่า ผมจะฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก” นี่ก็คือคำตอบ

 

ทางสองแพร่ง

         จากข้างต้นเราได้เห็นทางสองแพร่งที่คนประชาธิปัตย์จะต้องเลือกว่าจะอยู่ข้าง ฝ่ายค้านอิสระ” ซึ่งนำโดย อู๊ดด้า, ชวน หลีกภัย, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบัญญัติ บรรทัดฐาน

         หรือ ฝ่ายเอาด้วยกับพลังประชารัฐ” ซึ่งนำโดย กรณ์, นิพนธ์ พร้อมพันธุ์, ถาวร เสนเนียม, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และจุติ ไกรฤกษ์

          แต่ถ้าวัดพลังจากสองทาง-สองแนวนี้ ก็อาจชัดเจนว่าศึกนี้ “ไม่สูสี” เพราะคำว่า ฝ่ายค้านอิสระ” เวลานี้ก็ถูกปล่อยวาทกรรมว่า เท่ากับหนุนทักษิณ” อันเป็นลีลาคุ้นเคยที่ค่ายนี้ใช้บ่อยๆ ว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่”

          นอกจากเพื่อสะกิด “ต่อมเกลียดแม้ว” ของมวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจทำให้อู๊ดด้าเสียคะแนนแล้ว หันไปดูหน้าตาทีมแบ็กอัพชนิด “A-list" ของหล่อโย่งอีกที ก็สะท้อนอะไรบางอย่าง

 

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

 

          คือ คงไม่ถึงขั้นแมลงสาบแตกรังแบบที่หลายคนเปรียบ แต่ก็พอจะเห็นภาพว่าพลังของนายหัวชวน ลดฮวบอย่างชัดเจนสำหรับคนในพรรค พูดง่ายๆ ว่า ตัวแทนคนสะตอรายนี้กำลัง ขาลง”

          ไม่ต้องนับ ถาวร เสนเนียม ที่เห็นๆ กันอยู่ว่าเอาด้วยกับลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (หนุนลุงตู่)  ชัดเจนมาตลอด หรือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ก็ชัดเจนว่าไม่เอาหัวหน้ามาร์ค

          หากแต่ฝ่าย นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ผู้เป็นอดีตเลขาธิการนายกฯ ชวน และอภิสิทธิ์ มานาน แม้แต่ช่วงนกหวีดครองเมือง เขาเองก็เคยยึดแนวทางของนายหัวชวนที่ประกาศให้พลพรรคยึดอุดมการณ์และระบบรัฐสภา ไม่นำไพร่พลลงท้องถนน ปล่อยให้น้องเขยอย่างลุงกำนันฉายไปเรื่อยๆ หรือแม้แต่ "เสี่ยไก่" จุติ ไกรฤกษ์ ผู้ซึ่งยืนเคียงข้างอดีตหัวหน้ามาร์คมาตลอด ทั้งหมดนี้หันมาเอาด้วยอวยกันกับกรณ์หมด

          หรือชัดๆ เลย ขนาดกรณ์เองก็เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับอดีตหัวหน้ามาร์คมาตลอด และแม้แต่อีกสองผู้ลงแข่งขันอย่างอภิรักษ์ โกษะโยธิน และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่ากันว่าก็ทีมกรณ์ที่ส่งมาตัดคะแนนอีกฝ่ายทั้งสิ้น

          แต่มุมหนึ่งสิ่งนี้ก็ยังสะท้อนว่ากรณ์เองก็มีกำลังภายในมากพอตัว ทั้งดีกรี ลีลา หน้าตา ที่จะสามารถผสานทุกฝ่ายมารวมกัน ดังที่เขาเพิ่งโพสต์เฟซบุ๊กช่วงวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า

 

จุรินทร์-กรณ์ ชี้ชะตาพรรคสีฟ้า ร่วมรัฐนาวาลุงตู่

 

         “ผมขอเป็นสะพานข้ามความขัดแย้งที่จะเชื่อมทุกคนไปสู่ก้าวใหม่ เดินหน้าต่อไปด้วยกัน เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เรารัก กลับมาเป็นความหวังของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งให้ได้” ในขณะที่วันเดียวกันนั้น คู่แข่งของเขายังเงียบไม่เคลื่อนไหว

          สุดท้ายวันนี้ถามว่าใครจะได้เก้าอี้ผู้นำพรรคสีฟ้าเมื่อ “จุดขาย” ของสองตัวเก็ง สิ่งที่อู๊ดด้ามีคือพลังของฐานเสียงภาคใต้ ผู้ไม่เอา พปชร. และขอเป็นฝ่ายค้านอิสระทั้งดีและหล่อ

          กับหล่อโย่งที่ไม่ต้องบรรยายเยอะ พูดมาคำเดียวว่า “ลุงตู่” ก็จบแล้วเกมนี้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ