คอลัมนิสต์

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงานพิเศษ "เนชั่นสุดสัปดาห์" หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 11-12 พฤษภาคม 2562

         

********************

          ถ้ามองว่าเหลือแค่ขั้นตอนขึงไม้ ตีกรอบ กับภาพวาดหน้าตาของรัฐบาลไทย หลังผ่านการร่างเส้น ลงสี แรเงา ตัดขอบ และเซ็นชื่อกำกับผลงาน ก็คงได้

 

          จากที่ช่วงก่อนนี้ไม่กี่วันคนไทยอลหม่านกับกระแสนายกรัฐมนตรีคนกลางที่จะมาแก้ปัญหา การเมืองเดดล็อก” ถ้า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปต่อไม่ได้

          แต่ตอนนี้้หลัง กกต. รับรองส.ส.ครบแล้ว สมการของฝ่ายชนะ น่าจะมาทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยึดโยงกับขั้วอำนาจปัจจุบันอย่าง คสช.

          และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จ่อรอเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย แปลว่า “ลุงได้ไปต่อ” ตามคาด!

 

ฟ้ากว้างทางเปิด

          “เฮ้อ...” อาจเป็นเสียงโล่งใจของใครบางคน จะใช่คนที่เพิ่งพูดว่า “ใจหาย” หรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่คงจำกันได้กับภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงวันที่  7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อันเป็นวันสุดท้ายที่ทำงานร่วมกันในการประชุม ซึ่งครม.ครบเต็มคณะครั้งสุดท้ายก่อนที่บางคนลาออกไป

          โดยในส่วนของคสช.จากเดิมมี 15 คน เหลือ 11 คน ในส่วนของครม.เดิมมี 36 คน เหลือ 17 คน รวมถึงบิ๊กตู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ก็ยังมีการประชุมได้ตามปกติต่อไป

          วันนั้นบิ๊กตู่กล่าวว่า “5 ปี ไม่ใช่เวลาอันสั้นๆ วันนี้ผมก็รู้สึกใจหาย ได้เห็นหน้าเห็นตากันครบถ้วน ก็หายไปหลายคน"

          แน่นอน วันนั้นบิ๊กตู่อาจใจหาย อย่างที่บอกว่า 5 ปี (กับ 10  ซิงเกิล) นั้นไม่สั้นและไม่ง่าย จนหลายคนอดแซวไม่ได้ว่า เพราะตอนนั้นสมการต่างๆ ยังไม่ลงตัวนะสิ!

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

          ยิ่งที่กระแสมาแรงกับคลื่นแทรกคลื่นแซบเรื่องนายกฯ คนกลาง อย่าง "ดร.กบ" อำพน กิตติอำพน ที่รายนี้ก็มีเสียงการันตีจากหลายฝ่ายมาแน่ เพราะเป็นนักบริหารที่ทำงานได้กับทุกรัฐบาล ทุกฟากฝ่าย และยังเลื่องลือว่าเป็นข้าราชการที่ทำงาน มากกว่าแข่งขันเอาหน้าและเล่นพรรคเล่นพวก ทั้งยังผ่านตำแหน่งสำคัญระดับชาติมามากมายเชื่อมือได้ การันตี

          สังคมไทยตอนนั้นมองซ้ายมองขวาลุ้นแทนบิ๊กตู่ว่าเอายังไงกันดี!

          จนเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรอง ส.ส.ทั้งสองระบบรวมกัน 498 คน โชะ!

          ผลปรากฏว่า พรรคการเมืองฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำโดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีเสียงรวมกัน 253 ที่นั่ง จากพลังประชารัฐ 115 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง พลังท้องถิ่นไท 3 เสียง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง ประชาชนปฏิรูป 1 เสียง และหากรวมประชาธิปัตย์ 52 เสียง และภูมิใจไทย 51 เสียง และพรรคขนาดเล็กอีก 11 ที่นั่ง

          ขณะที่ฝ่ายประกาศรวมพลังในนามฝ่ายประชาธิปไตยนำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) มีคะแนนรวมกันแค่ 245 เสียง จากเพื่อไทย 136 เสียง อนาคตใหม่ 80 เสียง เสรีรวมไทย 10 เสียง เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง และพลังปวงชนไทย 1 เสียง

          แปลว่าพรรคพลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที โดยมีบิ๊กตู่คนเดิมเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

 

 หนทางยิ่งไกลกว่า

          แม้เสียงโล่งใจจะดังไปทั้งแผ่นดิน พร้อมๆ กับที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างกรุ้มกริ่มยินดี เมื่อนักข่าวถามความรู้สึกว่า “ก็เป็นเรื่องของ กกต. หน้าที่ของใครก็ของใคร ขอบคุณนะ โชคดีทุกคน”

          แต่ทุกอย่างก็คงเป็นไปตามที่บิ๊กตู่กล่าวนั่นแล ว่า “5 ปีนั้นไม่สั้น” (ถามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งก็ได้) แต่ขวบปีจากนี้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน

          กล่าวคือ แม้จะรู้แล้วว่าใบหน้านายกฯ คนใหม่ที่ลอยมาเป็นใคร เพราะอย่างที่รู้ว่าในการจัดตั้งรัฐบาลต้องใช้เสียงข้างมากในรัฐสภา คือเกินครึ่งจาก ส.ส. 498 คน และส.ว. 250 คน ที่รวมเป็น 748 เสียง คือ 374 เสียง

          และอย่างที่รู้อีกว่าในส่วนของส.ว.250 คนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จัันทร์โอชา เป็นผู้นำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นวุฒิสภาขึ้นทูลเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

          ตัวเลขเหนาะๆ ที่พรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็เห็นๆ กันอยู่ว่าประมาณไหน แค่เปิดว่ามีคนนามสกุล “จันทร์โอชา” เป็นหนึ่งใน ส.ว. ก็ชัดเจนไม่ต้องถามซ้ำ

          แต่ไม่ว่าจะมั่นใจขนาดไหน เส้นทางหลังจากนี้ต้องดำเนินไปอย่างรัดกุม! 

          ทั้งนี้ตามปฏิทินการเมืองประเทศไทยคนไทยจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และรัฐบาลใหม่บริหารประเทศภายในเดือนมิถุนายน 2562 แปลว่าไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้พอที่จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นระหว่างนี้

          ด้านหนึ่งตอนนี้บรรดาผู้ที่ได้รับการประกาศรับรองการเป็น ส.ส. กำลังทยอยเข้ารายงานตัวรับเอกสารรับรองการเป็นส.ส.ที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เกียกกาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กันคึกคัก

          แต่อีกด้านหนึ่งดูเหมือนว่าขั้นตอนสำคัญที่สุดและสุ่มเสี่ยงที่สุดเวลานี้กลับอยู่ที่การพูดคุยเจรจากันระหว่างพรรคที่จะเข้าร่วมรัฐบาลมากกว่า!

          เพราะเรื่องนี้สำคัญชนิดที่ยังไม่ต้องไปว่าไกลถึงการบริหารงานในสภา แต่มันหมายถึงว่าหากเจรจาไม่ลงตัวปัญหาต่างๆ ก็อาจเริ่มก่อตัวขึ้นมาได้ทันที

          และการเป็นนายกฯ ของบิ๊กตู่ ที่อาจได้ไปต่อ แต่คำว่า “ต่อ” นั้น ต้องถามว่า “ยาวแค่ไหน!”

 

ส่องว่าที่รมต.ไทย เก้าอี้ไหน..ใครจอง?

         อย่างที่บอก จากนายกฯ คนที่ 29 มาสู่นายกฯ คนที่ 30 คนเดียวหน้าเดิม อาจเหมือนจบ แต่ยังไม่จบ

          อย่างที่บอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงรู้ดีว่าต่อให้พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคแนวร่วมมากมายได้เข้าไปเป็นรัฐบาล แต่การบริหารนั้นไม่ราบรื่น ด้วยคำว่า “เสียงปริ่มน้ำ” คำที่ฟังดูเย็นแต่ความจริงคือ “ของร้อน”

          ดังนั้นเพื่อสกัดทุกอุปสรรคและทุกจุดอ่อน พรรคพลังประชารัฐต้องเริ่มทำตั้งแต่การตั้งรัฐบาลให้ลงตัวเสียก่อน โดยเฉพาะการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ที่จะต้องมั่นใจว่าไม่ทำให้แนวร่วมเปลี่ยนใจ

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

          อย่างกระแสที่ออกมาช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการแบ่งโควตารัฐมนตรีมีว่า พรรคพลังประชารัฐ จะจัดสรรโควตารัฐมนตรีในส่วนของตัวเองไว้ 13-15 ที่นั่ง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 4 อดีตรัฐมนตรีแถวหน้าอย่าง  อุตตม สาวนายน ที่คาดว่าจะนั่งรัฐมนตรีคลัง, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพาณิชย์, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ, ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีมหาดไทย และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

         ส่วน กลุ่มสามมิตร ได้ 4 เก้าอี้ คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน นั่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั้นระบุว่าอยู่ระหว่างตัดสินใจจะรับตำแหน่งเอง หรือให้หลานชายรับแทน, อนุชา นาคาศัย ยังไม่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้ว่า อิทธิพล คุณปลื้ม จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สันติ พร้อมพัฒน์ คาดว่าจะมีตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, วิรัช รัตนเศรษฐ

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

          ส่วนโควตารัฐมนตรีในสายของลุงตู่ แน่นอนมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รัฐมนตรีกลาโหม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ขณะที่ยังวางตัว พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิก สนช.เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 12 เป็น รมต.ด้วย

          ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย แม้ว่าหัวหน้าพรรค อนุทิน ชาญวีรกูล ยังปฏิเสธว่า ยังไม่ได้อะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ข่าวออกมาว่า พรรคอาจได้รับการจัดสรรโควตา รมต. 7 ตำแหน่ง แต่ยังไม่ลงตัวในการเจรจากระทรวงใหญ่ โดยมีกระแสข่าวคนใหญ่ของพรรคไม่โอเคกับการที่พลังประชารัฐกวาดกระทรวงเกรดเอไปหมด โดยเฉพาะคมนาคม จนแว่วมาว่ามีการต่อสายพูดกับพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ส่วนหนึ่ง ที่ไม่พอใจการแบ่งกระทรวงเช่นกัน จึงหวังร่วมกดดันให้พลังประชารัฐเกลี่ยโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

          ทั้งนี้เดิมทีว่ากันว่า ค่ายกัญชาต้องการกระทรวงหลักๆ เหมือนกัน คือวางตัว อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคไว้ที่รองนายกฯ, ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีมหาดไทย, สรอรรถ กลิ่นปทุม รัฐมนตรีคมนาคม, นาที รัชกิจประการ รัฐมนตรีสาธารณสุข และยังมีคนอื่นๆ อีก

          ด้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเพราะก็ต้องการกระทรวงสำคัญเหมือนกัน ข่าวว่าบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีศึกษาธิการ, กรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีคลัง, สาธิต ปุติเตชะ รัฐมนตรีเกษตรฯ, และคนอื่นๆ เช่น ถาวร เสนเนียม, อัศวิน วิภูศิริ และจุติ ไกรฤกษ์ ที่รอจ่อเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งสิ้น

          ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา บุคคลที่จะมาเป็น รมต. คือสองพี่น้อง กัญจนา และวราวุธ ศิลปาอาชา ไม่หวือหวา ขอแค่กระทรวงพัฒนาสังคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ

 

ลุงตู่...ไปต่อ วัดใจนักเลือกตั้ง

 

          จากข้างต้นจะเห็นว่ายังมีเก้าอี้ในบางกระทรวงหลักๆ ที่เห็นชัดว่ายังไม่ลงตัว ต้องแก่งแย่งกันอยู่ โดยเฉพาะกระทรวงคลัง คมนาคม และมหาดไทย

          แถมยังมีเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องรอผลการแข่งขันลงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซึ่งจะจบในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ที่น่าแปลกใจว่าในขณะที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ออกตัวว่าอยู่ข้าง “ฝ่ายค้านอิสระ” แต่ก็ยังมีชื่อเอี่ยวขอนั่งเก้าอี้ รมต.ศึกษาด้วย

          ในขณะที่ กรณ์ จาติกวณิช คู่แข่ง ก็ชัดเจนที่กระทรวงคลัง ซึ่งหากเขาได้โหวตเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องมาต่อรอง ฟาดฟันกับคนอื่นที่ขอเก้าอี้กระทรวงนี้เหมือนกัน

          สรุปว่า “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ แต่ขอคิดสักแป๊บ เพราะยังวุ่นเหลือเกิน!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ