คอลัมนิสต์

นายกฯ'ลุงตู่' อย่าอยู่เกิน 2 ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  ถอดรหัสลายพราง  โดย... พลซุ่มยิง 

 

 

          หากยังคิดไม่ออก ก็ลองนึกภาพการเมืองสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 ปี 9 เดือน 2 วัน การบริหารแผ่นดินช่วงแรกถือว่าราบรื่น แต่มาสะดุดในช่วงสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากการดำเนินนโยบายผิดพลาดของรัฐบาลในหลายเรื่อง

 

 

          โดยเฉพาะการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เอื้อประโยชน์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปกระตุ้นความรู้สึกเห็นต่างและความแตกแยกที่ฝังลึกในสังคมไทย จนกู่ไม่กลับนำไปสู่วิกฤติการเมืองปี 2556-2557 และการทำรัฐประหาร


          ก่อน “ปิดจ๊อบ” คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองที่กำลังเข้าสู่โหมดการบริหารราชการแผ่นดินแบบปกติตามครรลองระบอบประชาธิปไตยว่า ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับรองผล ส.ส.แบ่งเขตและระบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) การเมืองจะคล้ายคลึงกับปี 2554


          มีการจัดตั้งรัฐบาลผสม แต่ต่างกันตรงที่ “นายกรัฐมนตรี” คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


          “ความสงบเรียบร้อย” ยังเป็นเรื่องที่คนไทยคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะนอกจากเป็นปีมหามงคลแล้วประเทศไทยยังต้องทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ในเดือนมิถุนายน ที่กรุงเทพมหานคร


          การสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ คือการทำประเทศให้ปลอดภัย ปราศจากการแทรกแซงการก่อการร้าย ที่เกิดจากความเชื่อทางศาสนาและการเมือง ที่นับวันจะมีศักยภาพและการทำลายสูง แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องไม่ประมาท การกวาดล้างคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ ยังต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี




          ปัญหา “การเมือง กับ ม็อบ” ถึงจะเป็นของคู่กัน


          แต่จะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แม้จะมีความพยายามปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง แต่ปฏิกิริยาตอบรับไม่น่ากังวล และ คสช.ยังเชื่อมั่นว่า คนไทยรักความสงบ การกวักมือเรียกคนมาชุมนุมเหมือนในอดีตทำไม่ง่าย เพราะมี พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ห้ามยุยงปลุกปั่น, พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือสำคัญ


          แต่นั่นไม่ใช่สิ่ง “การันตี” ว่าในอนาคต รัฐบาลผสมของ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เจอ “ม็อบ” ขนาดใหญ่แม้จะมีจุดแข็งเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นและการเทิดทูนสถาบัน แต่ปัญหาที่ต้องเผชิญเช่นเดียวกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือ คนใกล้ตัว นายปฐมพล จันทร์โอชา หลานชาย บริษัทที่ถือหุ้นชนะการประมูลโครงการก่อสร้างกองทัพภาคที่ 3 และโครงการอื่นๆ ของภาครัฐเป็นว่าเล่น จนถูกสังคมตั้งคำถาม ใช้เส้นสายหรือไม่ ??


          ส่วน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คือ “สายล่อฟ้า” ที่สามารถเขย่าเก้าอี้นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มเดินหน้าเคลียร์ตัวเอง ด้วยการประเดิมฟ้องร้องเว็บต่างประเทศมีชื่อว่า อินเวสติ้ง เผยแพร่ข่าวมีชื่อติดอันดับเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีในทวีปเอเชีย


          ล่าสุด “บิ๊กป้อม” รู้ที่ตั้งของเว็บอินเวสติ้งว่าจดทะเบียนภายใต้ชื่อของใคร แนวทางการปฏิบัติงานเป็นอย่างไร บุคคลใดเป็นผู้นำเข้า เมื่อข้อมูลมาถึงไทย ใครเป็นผู้ขยายต่อ รวมถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีนักการเมืองไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ เรียกว่า เตรียม “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพื่อป้องกันการนำเข้าข้อมูลเป็นเท็จอันส่งผลกระทบต่อการเมืองไทย


          นอกจากนี้ การเป็น “รัฐบาลผสม” ที่ประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง ไม่สามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ได้เหมือนรัฐบาล คสช. และเชื่อกันว่า จะเกิดการต่อรองเรื่องผลประโยชน์หลากหลาย โดยเฉพาะบุคคลที่เคยอยู่ในกลุ่ม 8 ส.+1ส.พิเศษ อย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน, สนธยา คุณปลื้ม หากคุมไม่อยู่ เสถียรภาพรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีสะเทือน


          วิเคราะห์กันว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการลงจากอำนาจสวยๆ ภายหลังกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสานต่องาน คสช. ควรบริหารงานไม่เกิน 2 ปี และประกาศยุบสภา เพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ การเมืองไทยจะเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในระหว่างนี้ ต้องประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้พัฒนาไปสู่วิกฤติการเมืองอีกรอบ เพราะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศไว้แล้ว พร้อมจะเล่นการเมืองนอกสภา  หากตกเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จากการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ