คอลัมนิสต์

มีไฟลท์บิน...ไม่กลับใช้รถตู้ส่ง-รับ "ไพร่หมื่นล้าน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ล่าความจริง..พิกัดข่าว โดย... ปกรณ์ พึ่งเนตร

 


          ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นไฮไลท์มากที่สุดในช่วงนี้ จนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ก็คือประเด็นการโอนหุ้นของ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

 

 

          เมื่อวานซืนมีคำแถลงจากเลขาธิการพรรค อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ออกมาชี้แจงแทนหัวหน้า แต่ปรากฏว่า ยิ่งชี้แจงยิ่งเกิดคำถามใหม่ๆ ตามมาอีกมาก กระทั่งเมื่อวาน อาจารย์ปิยบุตรต้องนัดนักข่าวไปแถลงอีกรอบ


          ถ้าย้อนกลับไปดูประเด็นที่สังคมยังตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากหลังคำชี้แจงของอาจารย์ปิยบุตรเมื่อวานซืน “ล่าความจริง” สรุปเป็นประเด็นง่ายๆ ดังนี้


          1.ระยะเวลาเดินทางจากอำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ ที่คุณธนาธรไปหาเสียงและเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรค เมื่อวันที่ 8 มกราคม แล้วอ้างว่าเดินทางโดยรถตู้กลับมาถึงด่านธัญบุรีบนทางพิเศษมอเตอร์เวย์ ใช้เวลาน้อยเกินไปหรือไม่


          ประเด็นนี้ถ้าฟังจากอาจารย์ปิยบุตรเมื่อวานซืน บอกว่าคุณธนาธรร่วมเปิดตัวผู้สมัครและปราศรัยที่อำเภอสตึก จากนั้นก็กลับก่อนตอนบ่าย แล้วให้ตนเองเลี้ยงเวทีต่อ พอให้ข้อมูลแบบนี้ก็เลยเกิดคำถามว่า ทำไมขับรถได้เร็วเหลือเกิน ใช้คอปเตอร์ไม้ไผ่ หรือประตูไปไหนก็ได้ของโดเรม่อนหรือเปล่า เพราะถ้าเช็กกูเกิลแม็พ ระยะทางจากอำเภอสตึกถึงด่านธัญบุรี ราวๆ 402 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงกว่าๆ ไม่ใช่ 2-3 ชั่วโมงตามที่มีการอ้างว่าออกจากบุรีรัมย์ก็ตอนบ่ายแล้ว

 

          ล่าสุดเมื่อวาน อาจารย์ปิยบุตร ออกมาพูดใหม่ว่าไม่ได้บอกแบบนั้น แต่บอกว่าคุณธนาธรน่ะกลับก่อน ส่วนตัวเองเลี้ยงเวทีจนถึงบ่าย ให้สื่อกลับไปฟังดีๆ อีกครั้ง (พอสื่อย้อนกลับไปฟังก็ชัดเจนว่าอาจารย์พูดว่าคุณธนาธรกลับตอนบ่าย)





          จากนั้นมีสื่อบางสำนักไปติดต่อสัมภาษณ์ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ของพรรคอนาคตใหม่ ได้รับคำยืนยันว่าคุณธนาธรอยู่ที่เวทีถึง 10 โมงครึ่ง จากนั้นก็เดินทางกลับก่อน โดยอาจารย์ปิยบุตร ก็อยู่กับผู้สมัคร ทั้งกิจกรรมบนเวทีและขึ้นรถแห่ ผู้สมัครคนนี้บอกว่า อาจารย์ปิยบุตร อาจจะพูดสับสนเอง


          ตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณธนาธรและอาจารย์ปิยบุตรด้วยเหมือนกัน เพราะเราได้สอบถามกับนักข่าวของเครือเนชั่นที่บุรีรัมย์ได้ความว่า วันนั้น (8 ม.ค.) ก็ติดตามไปทำข่าวคุณธนาธรที่อำเภอสตึก มีเปิดตัวผู้สมัครและมีเวที คุณธนาธรอยู่ด้วยในช่วงเช้า แต่พอราวๆ 11 โมง อาจารย์ปิยบุตรประกาศบนเวทีว่าคุณธนาธรขอกลับก่อน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นคุณธนาธรอีก จึงคาดว่าคุณธนาธร ออกจากอำเภอสตึกช่วง 10 โมงครึ่งถึง 11 โมง ซึ่งหากเป็นแบบนี้นับเวลาถึงด่านธัญบุรีก็จะใช้เวลา 4 ชั่วโมงเศษ ก็ยังถือว่าเร็วอยู่ดี แต่ก็ยังพอมีความเป็นไปได้


          แต่ข้อมูลใหม่ที่ผู้สมัครคนนี้พูดก็คือพอหาเสียงเสร็จ อาจารย์ปิยบุตรก็ขึ้นเครื่องกลับ ทำให้เกิดคำถามว่า เมื่อกลับเครื่องบินได้ ทำไมคุณธนาธรจึงเลือกกลับด้วยรถยนต์


          จากการตวจสอบของ “ล่าความจริง” พบว่าท่าอากาศยานบุรีรัมย์ไม่ได้ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง แต่ตั้งอยู่ที่อำเภอสตึก ห่างจากอำเภอเมือง 30 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอำเภอที่คุณธนาธรและอาจารย์ปิยบุตรไปหาเสียง จึงยิ่งน่าสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่กลับเครื่องบิน


          เมื่อลองตรวจสอบตารางบินจากบุรีรัมย์กลับกรุงเทพฯ คือสนามบินดอนเมือง พบว่ามีสายการบินที่ให้บริการ 2 สายการบิน คือ นกแอร์กับแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินบริการทั้งเช้าและบ่าย โดยเฉพาะช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่คุณธนาธรเดินทางโดยรถยนต์ มีเที่ยวบินของแอร์เอเชียออกจากบุรีรัมย์ 13.50 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 14.45 น. ซึ่งน่าจะสะดวกสบายกว่าเดินทางโดยรถยนต์ และหากพลาดเที่ยวบินที่ว่านี้ก็ยังมีเที่ยวบินช่วงเย็นและช่วงค่ำอีกด้วย


          แต่เรื่องนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเช่นกันว่าคุณธนาธรและทีมงานอาจไม่ได้แพลนจองตั๋วไว้ก่อน หรืออาจมีอุปสรรคอย่างอื่นทำให้ไม่ได้เดินทางโดยเครื่องบินเหมือนอาจารย์ปิยบุตร (แต่จะบอกว่ากลัวความสูง หรือกลัวเครื่องบินคงไม่ได้ เพราะวันถัดมาคุณธนาธรอ้างว่าขึ้นเครืองไปนครศรีธรรมราช) นี่คือข้อสังเกตและคำถามข้อแรกจากสังคมเท่านั้น


          ข้อ 2.บัตรอีซี่พาสที่ใช้จ่ายด่านมอเตอร์เวย์ไม่ใช่ของคุณธนาธร แต่ปิดชื่อไว้โดยไม่มีเหตุผลว่าปิดทำไม


          และข้อ 3 คำชี้แจงที่ว่าแม่ของคุณธนาธรในฐานะผู้รับโอนหุ้นจากคุณธนาธร โอนหุ้นต่อไปให้หลาน 2 คนเพื่อติดตามทวงหนี้สูญ 11 ล้านบาทนั้น จริงๆ แล้วไม่มีความจำเป็นต้องโอนหุ้น เพราะการติดตามหนี้ใช้เพียงพนักงานบริษัท หรือจ้างบริษัทรับงานทวงหนี้ไปทำก็ได้ และทำได้ทันที ที่สำคัญยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องโอนหุ้นกลับให้แม่ของคุณธนาธรเพื่อเตรียมปิดกิจการตามที่มีการกล่าวอ้าง


          นอกจากนั้นยังมีสื่อบางสำนักสัมภาษณ์หลาน 1 ใน 2 คนที่รับโอนหุ้น กลับพูดไปคนละทาง กลายเป็นว่ารับหุ้นไปเพื่อจะนำไปประกอบกิจการต่อ แต่พอเห็นว่าต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 7 ล้านบาทจึงขอคืนหุ้น ซึ่งไม่ตรงกับเหตุผลที่อาจารย์ปิยบุตรนำมาชี้แจง


          จะว่าไปข้อสงสัยบางข้อที่สังคมเม้าท์มอยกันก็เป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะสาระหลักจริงๆ คือ กกต.ลงมติแล้วว่าข้อมูลกล่าวหามีมูลว่าคุณธนาธรส่อขาดคุณสมบัติการรับสมัคร ส.ส. และสั่งให้เจ้าตัวชี้แจงภายใน 7 วัน!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ