คอลัมนิสต์

เรื่องของ 'มือประสาน' กับ 'จอมวางแผน'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ถอดรหัสลายพราง โดย... พลซุ่มยิง


 

          คงเรียบร้อยมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปก่อนจะเกิดการเลือกตั้ง 24 มีนาคม นานแล้ว

 

 

          สำหรับการทาบทามพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ (พปชร.) ทั้งพรรคตัวแปรสำคัญอย่างภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล และพรรคใหญ่ประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


          วันเลือกตั้งจริง “บิ๊กป้อม” ไม่มีทีท่ากังวลว่า พรรคเกิดใหม่อยู่ในคอนโทรลรัฐบาล คสช. จะสู้คู่แข่งได้หรือไม่ แถมยังอารมณ์ดีตื่นมาว่ายน้ำตอนตี 4 นั่ง ‘จิบชา กาแฟ’ ร่วมกับคนใกล้ชิดในบ้านพักย่านลาดพร้าว 71 เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่า พปชร.มาแน่ ก่อนจะพากันตั้งขบวนเดินออกมาใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักเพียง 100 เมตร และเดินทางเข้ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ


          ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ คับคั่งไปด้วย ‘เพื่อนพ้องน้องพี่’ ทั้งในและนอกราชการของ “บิ๊กป้อม” มาติดตามผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามมาสมทบภายหลัง บรรยากาศครึกครื้นไปตามจำนวนเก้าอี้ ส.ส. ที่ พปชร.ได้รับ พอฟัดพอเหวี่ยงกับเพื่อไทย


          เสียงเฮ ในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ดังขึ้นหลังคะแนนรวม หรือ ‘ป๊อบปูลาร์โหวต’ พปชร.นำโด่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า ประชาชนต้องการ “บิ๊กตู่”เป็นผู้นำ และถือเป็นคะแนนบริสุทธิ์ ตรงไป ตรงมา มากกว่าคะแนนของจำนวน ส.ส.เขต ที่ขึ้นอยู่กับการเลือก โดยมีปัจจัยบางอย่างแอบแฝง




          กลายเป็นเงื่อนไข แข่งจัดตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย ที่ได้ ส.ส.มากกว่า จำนวน 137 เสียง และท้าดวลกันมันหยด ‘ใครดีใครได้’ 


          คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับ 1 ของเพื่อไทย ชิงตัดหน้ารวบรวมพรรคเรียกตัวเองฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วย อนาคตใหม่ 88 เสียง เสรีรวมไทย 12 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง พลังปวงชนไทย 1 เสียง รวม 250 เสียง


          แต่ ส.ส.ทั้ง 250 เสียงยังต้องฝ่าด่าน ข้อกล่าวหาทำให้การเลือกตั้งไม่โปร่งใส หากถูกร้องเรียน ทั้ง “ใบเหลือง” สั่งเลือกตั้งใหม่ ที่สำคัญสุดหากถูก กกต.แจก “ใบส้ม” เท่ากับว่า คะแนนเสียง ส.ส.คนนั้น จะไม่ถูกนำมาคิดเป็นคะแนนนิยมพรรค มีโอกาสที่จะทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถูกปรับลดลงตาม


          โดยเฉพาะ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมพวก ยังมีคดีไลฟ์สด วิจารณ์พลังดูดของ คสช. โดยพนักงานอัยการได้นัดมาฟังการสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 26 เมษายน นี้ 


          รวมถึงกรณีเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ใส่ประวัติ “ธนาธร” เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นาน 5 เดือน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 73(5) ของ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง 2561 จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเอง หรือ ส.ส.


          ส่วน “บิ๊กป้อม” แค่นั่งรอแบบใจเย็นๆ ให้กระบวนการต่างๆ ดำเนินไปตามขั้นตอน


          และต้องให้เวลา ปชป.รักษาแผลใจ ตั้งหลักกันอีกยกใหญ่ หลังพ่ายศึกเลือกตั้งแบบหมดท่า แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีทางลงแบบมีหลักการและรักษาสัจจะ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ ทำพรรคเก่าแก่อยู่ยาก


          หากจะเบนขั้วไปอยู่กับศัตรูเก่าอย่างเพื่อไทยก็ผิดหลักการ จึงต้องจำทนอยู่กับ พปชร. แม้จะแค้นแสนแค้น ดังนั้นหนทางดีที่สุด เมื่อพรรคเป็นตัวแปรสำคัญต้องเพิ่มอำนาจต่อรอง


          มีเสียงร่ำลือ “อภิสิทธิ์” อาจได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา ปลอบใจ เพราะ ปชป.มีความเชี่ยวชาญงานในรัฐสภา แต่สภาพบอบช้ำและกรำศึกมาอย่างยาวนานน่าจะลำบาก เพราะคนที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวได้ ต้องอาศัยบุคลิกที่เข้มแข็งและอ่อนโยนไปพร้อมๆกัน อีกทั้งยังมีหลักการแตกต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ ท้ายสุดแล้ว อดีตหัวหน้า ปชป.คนนี้น่าจะเลือกไม่รับตำแหน่งใดๆ


          เช่นเดียวกับ พรรคภูมิใจไทย แม้ยังไม่ชัดว่าจะร่วมกับ พปชร.หรือไม่ แต่การแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย ที่ไร้เงา “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล น่าจะบอกอะไรได้ชัดเจน อีกทั้งสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างพี่ที่เคารพนับถืออย่างนายเนวิน ชิดชอบประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ “บิ๊กป้อม” คงไม่มีอะไรผิดความคาดหมาย


          ปรากฏการณ์ผลการเลือกตั้งของสองขั้วการเมืองที่ออกมาใกล้เคียงกัน ระหว่างเพื่อไทย กับ พลังประชารัฐ อาจจะส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดินในอนาคต หากพรรคหนึ่งพรรคใดสามารถจัดตั้งรัฐบาล แต่มีจำนวน ส.ส.ไม่มากพอ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดทางตัน นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลอีกสูตร เช่น รัฐบาลแห่งชาติ
แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น เชื่อว่า ‘คอมแมน’ คนสำคัญทำหน้าที่จัดยุทธศาสตร์วางแผน อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาววิกฤติการเมืองมาตั้งแต่ปี 2549 เคยหลุดคำพูดออกมาว่า “หากผมปฏิวัติ จะไม่ทำแบบบิ๊กบัง (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คมช.) ส่งผลให้ปฏิวัติปี 2557 ทำอย่างมีแบบแผน เป็นขั้นตอนนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลและบริหารราชการแผ่นดินมาจนถึงขณะนี้


          น่าจะมีทางหนีทีไล่ นำการเมืองหลุดจากเดดล็อกสำคัญนี้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ